บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) ปลื้ม!กระแสตอบรับโรดโชว์รูปแบบไฮบริดบนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์คึกคัก โชว์ศักยภาพธุรกิจ Bio Technology บริษัทแรกของไทยเข้าจดทะเบียนใน SET และมีกลุ่ม BGI พันธมิตรยักษ์ใหญ่ หนึ่งในผู้นำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลก พร้อมซัปพอร์ตเต็มพิกัด วางเป้าหมายใช้ไทยเป็น Hub บุกอาเซียน มั่นใจเทคโนโลยีสุดล้ำนำสมัย ถูกต้องแม่นยำ สร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว หนุนธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด สอดรับเมกะเทรนด์โลก
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (BKGI) เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 มีนาคม 2567 ทีมผู้บริหาร BKGI และที่ปรึกษาทางการเงินได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) รูปแบบไฮบริด บนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ให้กับนักลงทุนได้เข้าใจถึงภาพรวมธุรกิจ และแผนการดำเนินงานในอนาคต รวมทั้งให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโต ภายหลังจากการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนและเข้าจดทะเบียนได้ภายในเดือนมีนาคม 2567 นี้
"การโรดโชว์ในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจาก BKGI ถือเป็นธุรกิจ Bio Technology บริษัทแรกของไทย เป็นธุรกิจ New S-Curve สอดคล้องเมกะเทรนด์โลก ที่ผู้คนให้ความสำคัญต่อการดูแลและรักษาสุขภาพ เพื่อป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งการให้บริการของบริษัทฯ ครอบคลุมทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เกิดจนถึงสูงวัย ทำให้เห็นโอกาสเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต”
นอกจากนี้ BKGI ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่ม BGI หนึ่งในผู้นำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลก ที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจ และขยายความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกัน ทั้งในส่วนของเทคโนโลยี และงานวิจัย
ทั้งนี้ BKGI มีแผนจะระดมทุนโดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด
ดร.เสาวลักษณ์ ด่านสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (BKGI) ผู้ประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ และให้บริการการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ กล่าวว่า การที่บริษัทฯ มีกลุ่ม BGI หนึ่งในผู้นำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลกถือหุ้นใหญ่ ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจาก BGI มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย ถูกต้องและแม่นยำ ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นายเสี่ยวฮาน หวาง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (BKGI) กล่าวว่า กลุ่ม BGI พร้อมให้การสนับสนุนแก่ BKGI ในฐานะที่เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มของ BGI อย่างเต็มที่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีด้านการถอดรหัสพันธุกรรมและงานวิจัย อีกทั้งยังมีแผนใช้ไทยเป็น Hub เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากไทยมีนโยบาย Medical Hub ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสการขยายธุรกิจได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้ถือหุ้นของ BKGI ที่เป็นคนไทย พร้อมทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันการเติบโตที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ BGI Shenzhen (กลุ่ม BGI) ก่อตั้งขึ้นในปี 2551 โดยมีผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ Mr. Wang Jian ซึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมในโครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ โดย BGI Shenzhen ตั้งอยู่ในเมืองเสิ่นเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน มีพนักงานมากกว่า 10,000 คน กระจายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีงานวิจัยตีพิมพ์มากกว่า 3,800 ฉบับ ได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 1,700 ฉบับ และให้ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพันธมิตรอื่น ๆ มากกว่า 2,000 แห่งทั่วโลก โดยมี BGI Genomics เป็นหนึ่งในบริษัทของกลุ่ม BGI ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BKGI ผ่านการถือหุ้นโดย BGI Health (HK) ซึ่ง BGI Genomics ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้นในปี 2565
อนึ่ง BKGI ประกอบธุรกิจห้องปฏิบัติการ และให้บริการการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ การตรวจวิเคราะห์ สังเคราะห์สารชีวภาพ ควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และยืนยันความถูกต้อง รวมถึงประกอบกิจการสถานพยาบาล ห้องปฏิบัติการและให้บริการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ซึ่งได้รับอนุญาตเป็นสถานพยาบาล ประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
โดยลักษณะการประกอบธุรกิจ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจการให้บริการตรวจคัดกรองและวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ 2) การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ เช่น การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคโควิด-19 และการตรวจภูมิคุ้มกัน 3) การตรวจคัดกรองอื่นๆ ได้แก่ การตรวจคัดกรองกลุ่มยีนที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง และการตรวจคัดกรองโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอื่นๆ และ 4) การให้บริการงานด้านเทคโนโลยี
2. ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Other Products) อาทิ ชุดอุปกรณ์สำหรับการเก็บสิ่งส่งตรวจ น้ำยาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 และน้ำยาตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 และชุดอุปกรณ์สำหรับตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมแบบครบวงจร เป็นต้น รวมทั้งในอนาคต จะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการถอดรหัสทางพันธุกรรมเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ตามคำแนะนำของแพทย์