จับตาฐานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบสูงสุดในรอบปีนี้ทะลุ 9.1 หมื่นล้านบาทแล้วหลังอุ้มดีเซลหลังแอ่น เร่งหารือคลังลดภาษีสรรพสามิตดีเซลเพิ่มขึ้น 2-5 บาท/ลิตร และอาจต้องควบคู่กับการขยับเพดานดีเซลที่ตรึงไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตรเป็น 32-33 บาท/ลิตร หวังเดินหน้าใช้หนี้เงินต้นงวดแรก พ.ย. 67
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า ณ วันที่ 25 ก.พ. 67 ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิติดลบ 91,887 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 45,222 ล้านบาท บัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ติดลบ 46,665 ล้านบาท โดยเป็นการติดลบเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนถึง 2,005 ล้านบาท และทำสถิติสูงสุดในรอบปี 2567 เนื่องจากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวระดับสูงโดยเฉพาะราคาดีเซลที่กองทุนน้ำมันฯ ต้องควักจ่ายการอุดหนุนเฉลี่ยถึง 4.35 บาท/ลิตรเพื่อตรึงราคาขายปลีกอยู่ระดับ 29.94 บาท/ลิตร (ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร) ตามนโยบายรัฐบาล
ดังนั้น ภายในเดือน มี.ค. 67 นี้กระทรวงพลังงานจะต้องเร่งสรุปแนวทางการบริหารจัดการสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงท่ามกลางการอุดหนุนราคาดีเซลเฉลี่ยราว 4.35 บาท/ลิตรที่ยังคงกระทบต่อสภาพคล่องต่อเนื่อง ขณะที่มาตรการดูแลตรึงราคาดีเซลของกระทรวงพลังงานที่ระดับ 29.94 บาท/ลิตร (ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร) นั้นจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มี.ค. 67 นี้ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องหารือกับกระทรวงการคลังถึงแนวทางการปรับลดภาษีสรรพสามิตดีเซลเพิ่มเติมที่มากกว่า 1 บาท/ลิตร และอาจต้องมองไปถึงการขยับเพดานราคาดีเซลเพิ่มขึ้นควบคู่กันไปเช่น 32-33 บาท/ลิตร ขึ้นอยู่กับการลดภาษีฯ คลังและราคาตลาดโลกเป็นสำคัญ
“ภาษีฯ ดีเซลนั้น ครม.ได้ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราลดลง 1 บาทต่อลิตร 3 เดือน ตั้งแต่ 20 ม.ค.-19 เม.ย. 2567 ซึ่งในส่วนของภาษีฯ เองยังคงถึง 19 เม.ย. 67 ซึ่งขณะนี้การบริหารสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ โดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ยังมีเงินทยอยเบิกจ่ายเหลือราว 30,000 ล้านบาทที่จะพอดูแลดีเซลไปได้อีกระยะหนึ่งหากดีเซลยังคงทรงตัวระดับปัจจุบัน” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวทางจะต้องกำหนดชัดเจนในเดือน พ.ค.นี้เนื่องจากปัจจัยสำคัญคือสภาพคล่องกองทุนฯ เริ่มวิกฤตและที่สำคัญในเดือน พ.ย. 67 จะต้องใช้หนี้คืนเงินต้นล็อตแรกราว 30,000 ล้านบาท จากที่ได้ทยอยลงนามในสัญญากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินรวม 105,333 ล้านบาทตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ดังนั้นจึงมีทางเลือกที่หลักๆ คือ
1. หากระดับราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกอยู่ระดับ 100-105 เหรียญ/บาร์เรลกระทรวงพลังงานจำเป็นจะต้องขอให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังพิจารณาปรับลดภาษีฯ ดีเซลจาก 1 บาท/ลิตรเป็น 2 บาท/ลิตร และอาจต้องขยับเพดานราคาดีเซลเพิ่มเป็น 32-33 บาท/ลิตรเพื่อให้สามารถมีเงินบริหารสภาพคล่องได้มากขึ้นหากเกิดกรณีราคาตลาดโลกผันผวนหนัก
2. ปรับลดภาษีฯ ดีเซลเป็น 5 บาท/ลิตรและขยับเพดานดีเซลเป็น 32 บาท/ลิตรเพื่อให้กองทุนฯ สามารถบริหารการจัดเก็บน้ำมันเข้ากองทุนฯ เพื่อสะสมในการชำระหนี้เงินต้นในเดือน พ.ย.นี้ให้ได้ทันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงินที่กู้ยืมมา อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือราคาน้ำมันตลาดโลกที่ต้องติดตามใกล้ชิด หากลดลงต่ำก็จะทำให้การบริหารสภาพคล่องดีขึ้น แต่หากราคาสูงจะยิ่งกดดันต่อสภาพกองทุนฯ ให้วิกฤตยิ่งขึ้น


