xs
xsm
sm
md
lg

รถไฟขาดแคลนพนักงาน สหภาพฯ จี้เร่งแก้วิกฤต บอร์ดเคาะรับย้อนหลัง 4 ปีแค่ 81 คน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รฟท.วิกฤตขาดคนทำงาน มติ ครม.ล็อกเพิ่มได้แค่ 5% จากเกษียณ ขณะที่บอร์ดเพิ่งเคาะรับเพิ่มย้อนหลัง 4 ปีแค่ 81 คน “ผู้ว่าฯ” ตั้งงบจ้างศึกษาอัตราเหมาะสม รองรับทางคู่เสร็จ ระยะสั้นเร่งรัดอบรมคนขับเพิ่มจากช่างเครื่อง สหภาพฯ ยื่นหนังสือจี้บอร์ดเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนพนักงานและจัดหารถจักร-ล้อเลื่อน

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน รฟท.ประสบปัญหาขาดแคลนกำลังบุคลากรอย่างมาก และส่งผลให้พนักงานรวมถึงลูกจ้างต้องทำงานหนัก และมีค่าใช้จ่ายด้านโอทีเพิ่ม สาเหตุเนื่องจากต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 ที่กำหนดให้ รฟท.รับพนักงานใหม่ได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนพนักงานที่เกษียณอายุในแต่ละปี และต้องรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ก่อน ทำให้จำนวนพนักงานลดลงจากปี 2541 ที่มีประมาณ 18,000 คน เหลือเพียง 9,000 คนในปัจจุบัน ขณะที่การเดินรถ เพิ่มจาก 100 กว่าเที่ยวต่อวัน เป็น 200 กว่าเที่ยวต่อวัน และการให้บริการมีความยุ่งยากมากขึ้น

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ที่มีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธาน มีมติเห็นชอบการจัดสรรอัตรากำลังและการสรรหาพนักงานใหม่ จำนวน 81 อัตรา หรือร้อยละ 5 เพื่อทดแทนพนักงานเกษียณอายุจำนวน 1,610 คน ในช่วง 4 ปี (2563-2566) ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม.วันที่ 28 ก.ค. 2541 โดยพนักงานจัดสรรใหม่จำนวน 81 อัตรา (ประกอบด้วย กลุ่มงานด้านปฏิบัติการ 55 อัตรา กลุ่มงานด้านบริหาร สนับสนุนและอำนวยการ 25 อัตรา และสำรองบุคคลในครอบครัวที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ 1 อัตรา)

“รฟท.ไม่สามารถรับพนักงานได้ตามความต้องการจริง เพราะมีมติ ครม.ให้รับได้แค่ 5% จากจำนวนพนักงานเกษียณโดยต้องนำเข้าบอร์ดทุกครั้ง ซึ่ง 4 ปีเกษียณออกไป 1,610 คน รับได้แค่ 81 คนก็ไม่พอต่อการทำงานจริง พนักงานต้องทำงานหนัก ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิต ขณะที่ รถไฟก็มีค่าโอทีเพิ่มขึ้นด้วย”


@จ้างศึกษาวิเคราะห์จำนวนพนักงานที่เหมาะสม

ผู้ว่าฯ รฟท.กล่าวว่า ขณะนี้ รฟท.เตรียมจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาว่า รฟท.ควรมีจำนวนพนักงานเท่าไร เป็นส่วนของ outsourse เท่าไร ที่จะเหมาะสมกับการขับเคลื่อนและให้บริการรถไฟตามแผนฟื้นฟูและบริบทใหม่ ที่จะมีเส้นทางรถไฟทางคู่เพิ่มเติมทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 และรถไฟสายใหม่รวมถึงมีรถจักร ล้อเลื่อน เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งได้ตั้งงบปี 2567 ดำเนินการศึกษาระยะเวลา 9 เดือน ดังนั้นภายในปลายปีนี้จะเห็นภาพชัดเจนว่ารฟท.ควรมีกรอบอัตรากำลังเท่าไร

“นโยบายรัฐบาลต้องการให้ระบบรางเป็นกระดูกสันหลังในการขนส่งของประเทศ มีรางไม่มีรถก็ไม่มีประโยชน์ หรือมีราง มีรถ แต่ไม่มีคนขับก็ไม่ได้ ขณะนี้ยังไม่มีรถจักรใหม่ งานยังล้นคน ซึ่งจากข้อมูลปัจจุบันมีพนักงานขับรถจำนวน 1,078 คน ยังขาดอยู่ประมาณ 180 คน ส่วนพนักงานช่างเครื่องมีจำนวน 765 คน ขาดประมาณ 493 คน”

สำหรับแนวทางเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาคนขับไม่พอ จะปรับลดเวลาฝึกอบรม ช่างเครื่องขึ้นเป็นคนขับจาก 7 ปี เหลือ 3-4 ปี โดยใช้กระบวนการและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยฝึกอบรม ทั้งนี้จะต้องอยู่ในมาตรฐานความปลอดภัยและเกณฑ์ที่เข้มงวดเหมือนเดิม รวมถึงปรับโครงสร้างเพื่อเกลี่ยคนไปทำงานในจุดที่ขาดแคลนและมีความจำเป็นก่อน

@ปั้นแผนฟื้นฟู ทำตลาดเชิงรุกสร้างรายได้เพิ่ม

นายนิรุฒกล่าวอีกว่า นับจากที่ได้เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ รฟท.ได้เขียนแผนฟื้นฟูการรถไฟฯ ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะมีความชัดเจนว่าเรื่องใดที่รฟท.ทำได้เอง และปัจจัยใดที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายรัฐเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม เป้าหมาย EBITDA เป็นศูนย์ และไม่ขาดทุน โดยจะให้บริการเดินรถเป็นหลัก ทำการตลาดเชิงรุก ทั้งการโดยสาร รถท่องเที่ยว และขนส่งสินค้าซึ่งมีมาร์จิ้นค่อนข้างมาก เพิ่มสินค้าใหม่และบริการใหม่ๆ ไม่ใช่รอให้คนเดินมาซื้อตั๋วเท่านั้น และมีรายได้จากที่ดินและทรัพย์สินที่จะเป็นส่วนเสริมที่สำคัญ ซึ่งได้เสนอไปที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในแผนฟื้นฟูมีการศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารไว้เป็นสมมติฐาน แต่จะนำมาใช้หรือไม่ต้องผ่านการพิจารณาจากหลายฝ่าย เพราะมีผลกระทบหลายส่วน ที่วางแผนไว้คือ การยกระดับบริการ รถชั้น 3 จากร้อนพัดลมเป็นรถปรับอากาศ ทั้งหมดและจัดเก็บค่าโดยสารใหม่ ส่วนการอุดหนุนคนรายได้ก็อยู่ที่การพิจารณาของรัฐบาลที่จะเข้ามาช่วย ซึ่งรถไฟจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ประชาชนได้ใช้บริการที่ดีขึ้น

ส่วนความคืบหน้าการจัดหารถโบกี้สินค้า (บทต.) จำนวน 946 คัน วงเงิน 2,459 ล้านบาท รฟท.เสนอไปกระทรวงคมนาคมแล้ว คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้เร็วๆ นี้ ส่วนการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศสำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 184 คัน วงเงินประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

“การจะฟื้นฟูรถไฟและให้ประชาชนหันมาใช้ระบบรางจะสำเร็จได้นั้นต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ก.คมนาคม ก.การท่องเที่ยวฯ และรัฐบาล ต้องมีการสนับสนุนจริงจัง เช่น มีมาตรการด้านจราจรห้ามรถที่มีมลพิษ หรือรถบรรทุกเข้าเมือง มีระบบตั๋วร่วมเพื่อลดค่าเดินทาง เป็นต้น”


@สหภาพรถไฟฯ ยื่นหนังสือจี้บอร์ดเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนพนักงานและจัดหารถจักร-ล้อเลื่อน

ด้านนายสราวุธ สราญวงศ์ รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 สร.รฟท.ได้เข้าพบนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานบอร์ด รฟท. เพื่อยื่นหนังสือให้บอร์ด รฟท. ผลักดันแก้ไขปัญหาใน 5 ประเด็น คือ

1. ผลักดันเสนอ ครม.ขออนุมัติเพิ่มอัตรากำลังพนักงาน รฟท.โดยเร่งด่วน 2. ติดตามเร่งรัดกระบวนการในการจัดหารถจักร-รถพ่วง (รถโดยสารและรถสินค้า) เพื่อรองรับปริมาณความต้องการทั้งการโดยสาร และขนส่งสินค้า ที่มีเพิ่มมากขึ้น 3. เร่งรัดการเพิ่มศักยภาพ บทบาทภารกิจของบริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (SRTA) ในการบริหารสินทรัพย์พื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ไม่ได้ใช้ในการเดินรถ (Non-Core) 4. เรื่องการดำเนินโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง โดยบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟฯ 5. สานต่อภารกิจตามนโยบาย ในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านของผู้บริหารสูงสุดของการรถไฟฯ

ตามแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะมีรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง, ทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2568-2572 เส้นทางรถไฟทางคู่เพิ่มขึ้นอีก 3,200 กม. เพิ่มความจุของขบวนรถไฟได้เกือบ 2 เท่า แต่รฟท.ยังมีปัญหาขาดแคลนพนักงานอย่างหนัก จากมติ ครม. 28 ก.ค. 2541 ทำให้พนักงานลดลงจาก 23,000 คนปี 2540 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เหลือ 9,029 คน ขณะที่กรอบอัตราพนักงานเดิม 18,015 คน และมีจำนวนลูกจ้างเฉพาะงาน 3,462 คน จากกรอบอัตราอนุมัติ 4,056 คน พนักงานด้านปฏิบัติการทำงานหนัก ตรากตรำ ควงขบวนรถและควงเวรทำการ ต้องทำงานในวันหยุด มีเวลาในการพักผ่อนน้อย อาจทำให้เกิดปัญหากระทบในเรื่องของความปลอดภัยในการทำงาน การเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน

ส่วนรถจักร และรถพ่วง (ทั้งรถโดยสารและสินค้า) ปัจจุบันการเดินขบวนรถโดยสาร (เชิงพาณิชย์และเชิงสังคม) กว่า 200 ขบวน ขบวนรถสินค้าจำนวนกว่า 159 ขบวน ต้องมีเพิ่มเพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่มีเพิ่มมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น