เปิดผลผลิตหีบอ้อยและการผลิตน้ำตาลล่าสุดปี 2566/67 พบอ้อยเข้าหีบพุ่งขึ้นล่าสุดสะสมแล้ว 67.45 ล้านตัน คาดการณ์หลังปิดหีบมีโอกาสลุ้นที่ 76-78 ล้านตัน แต่ยอมรับผลผลิตน้ำตาลยังไม่ดีนักเหตุอ้อยโตช้า ขณะที่ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกยังทรงตัวระดับสูง พ.ค.รอลุ้น 25 เซ็นต์ต่อปอนด์จูงใจชาวไร่ปลูกเพิ่มแต่ยังมีภัยแล้งที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ชาวไร่รอใกล้ปิดหีบจ่อร้อง "กอน." เร่งหารือสรุปเงินตัดอ้อยสด 120 บาท/ตันแน่
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้แทนชาวไร่อ้อยในคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า จากการที่โรงงานน้ำตาลทรายในประเทศรวม 57 แห่งได้ดำเนินการเปิดหีบอ้อยและผลิตน้ำตาลทรายประจำปี 2566/67 ตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2566 จนถึง ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่ามีปริมาณอ้อยสะสมแล้วประมาณ 67.45 ล้านตันอ้อย คิดเป็นปริมาณอ้อยสดที่ 48.2 ล้านตัน อ้อยไฟไหม้ที่ 19.2 ล้านตัน เฉลี่ยความหวาน (ข้อมูลเบื้องต้น) ที่ 12.12 ซี.ซี.เอส. (C.C.S.) เฉลี่ยน้ำตาลต่อตันอ้อยที่ 102.7 กิโลกรัม (กก.) รวมประมาณน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายดิบและอื่นๆ ประมาณ 69.3 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 100 กก.) กากน้ำตาลทราย (โมลาส) 2.73 ล้านตัน ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าผลผลิตอ้อยเมื่อสิ้นฤดูหีบจะมีปริมาณอ้อยรวมประมาณ 76-78 ล้านตัน ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นจากในระยะแรกที่เคยประเมินไว้
“ทาง กอน.เองได้มีการจัดสรรปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 66/67 ไว้ที่ 80 ล้านตันก็คงจะต้องดูในช่วงสุดท้ายนี้ ซึ่งขณะนี้โรงงานมีปิดหีบบางส่วน 2-3 แห่งแล้ว ขณะที่ Wilmar International ยักษ์ใหญ่ในวงการเกษตรแห่งเอเชียคาดการณ์ว่าไทยอาจผลิตอ้อยฤดูหีบนี้ได้ถึง 79 ล้านตัน ขณะที่ซีซาร์นิโคว (Czarnikow) ผู้ค้าน้ำตาลไทยยังมองที่ระดับ 73 ล้านตัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องติดตามคือปริมาณผลผลิตน้ำตาลทรายที่อาจจะไม่ได้สูงนักเนื่องจากแม้อ้อยจะมีปริมาณเพิ่มแต่กลับโตไม่ทัน” นายวีระศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ แม้ผลผลิตอ้อยในฤดูหีบปี 2566/67 จะกระเตื้องขึ้น แต่หากเทียบกับผลผลิตอ้อยในปี 2565/66 อยู่ที่ 93.88 ล้านตันก็ยังคงถือว่าปริมาณผลผลิตอ้อยยังคงปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับเฉลี่ย 22-23 เซ็นต์ต่อปอนด์ซึ่งยังถือว่ามีทิศทางที่ดี แต่ระยะช่วง มี.ค.นี้อาจจะอ่อนตัวลงบ้างเนื่องจากจะเป็นช่วงขายตั๋วน้ำตาลออกตามอายุ คงจะต้องติดตามในช่วงพฤษภาคม 67 ที่ตลาดจะกลับมาซื้อน้ำตาลล่วงหน้าอีกครั้งซึ่งมีแนวโน้มว่าระดับราคาน่าจะไปถึง 25 เซ็นต์ต่อปอนด์ได้ซึ่งก็จะถือเป็นเรื่องที่จะจูงใจสำหรับชาวไร่อ้อยให้ปลูกเพิ่มในฤดูหีบหน้า แต่ทั้งนี้ก็ยังคงต้องติดตามภาวะภัยแล้งที่จะเป็นปัจจัยเสี่ยงใกล้ชิด
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า ในช่วงมีนาคมนี้หลังเริ่มทยอยปิดหีบมากขึ้น 4 องค์กรชาวไร่อ้อยคงจะต้องหารือเพื่อที่จะผลักดันให้เกิดการประชุม กอน.เพื่อสะสางหลายเรื่องที่ยังค้างคาจากการที่ล่าสุดยังไม่มีประชุมมากว่า 2 เดือนแล้ว โดยหนึ่งในประเด็นคือการผลักดันให้ กอน.เสนอ รมว.อุตสาหกรรมในการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบอนุมัติโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ที่จะเพิ่มเงินตัดอ้อยสดให้ชาวไร่ 120 บาทต่อตันเช่นที่ผ่านมา ซึ่งฤดูหีบนี้ก็ยังไม่ชัดเจน รวมถึงการแก้ไขกฎหมายอ้อยเพิ่มเติมให้สอดรับกับพ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลฉบับใหม่ที่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ วันที่ 18 ก.พ. 67 พบว่าการหีบอ้อยของโรงงานแต่ละภาคมีดังนี้ 1. ภาคเหนือได้รวมทั้งสิ้น 14.047 ล้านตัน โดยโรงงานไทยรุ่งเรืองหีบอ้อยได้ปริมาณสูงสุด 2. ภาคกลาง 15.5 ล้านตัน โดยมีโรงงานน้ำตาลมิตรผลหีบได้สูงสุด 3. ภาคตะวันออก 3.03 ล้านตัน โดยมีโรงงานน้ำตาลอ้อยและตะวันออกหีบได้สูงสุด 4. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 35 ล้านตัน โดยมีโรงงานรวมเกษตรกรหีบได้สูงสุด