กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบตู้จ่ายน้ำมันทุกเครื่องว่าหัวจ่ายมีการดัดแปลงทำให้มาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดความคลาดเคลื่อนหรือไม่ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าประชาชนผู้ใช้น้ำมันได้น้ำมันเต็มปริมาตรต่อลิตร
วันนี้ (22 ม.ค.) นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) และนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบตู้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและมาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันว่ามีความคลาดเคลื่อน ปฏิบัติถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
นายสราวุธกล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีการจ่ายน้ำมันให้ประชาชนไม่เต็มลิตรของสถานีบริการน้ำมัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทุกแห่งทั่วประเทศ โดยกรมธุรกิจพลังงานเน้นการตรวจสอบว่ามีการแก้ไขดัดแปลงตู้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจากที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ และกรมการค้าภายในตรวจสอบมาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงถูกต้องเต็มลิตรหรือไม่ ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนผู้ใช้น้ำมัน โดยผลการตรวจสอบไม่พบหัวจ่ายน้ำมันเครื่องใดมีความคลาดเคลื่อน และผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันยืนยันว่าได้เข้มงวดเป็นพิเศษ เพราะความถูกต้องเที่ยงตรงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และให้ความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยกรมธุรกิจพลังงานได้ประสานกับสำนักงานพลังงานจังหวัดทั่วประเทศ และสำนักชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ร่วมดำเนินการตรวจสอบกว่า 1,000 แห่ง ภายใน 31 มกราคม 2567
ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้จากเครื่องหมายคำรับรอง ซึ่งจะมีการปิดผนึกทั้งในส่วนของตู้ด้านนอกและในส่วนของอุปกรณ์ภายในตู้ ซึ่งหากชุดผนึกนี้มีการแตกหักเสียหาย ก็จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบว่ามีปริมาณน้ำมันคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดยมีเจตนาแก้ไขดัดแปลงหัวจ่ายให้เกิดความคลาดเคลื่อนก็จะมีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท โดยกรมธุรกิจพลังงานจะร่วมกับกรมการค้าภายในและสำนักงานพลังงานจังหวัดติดตามและออกตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน