“คมนาคม”หนักใจปัญหางานก่อสร้างเกิดอุบัติเหตุบ่อย หนุนกรมบัญชีกลาง เร่งคลอดเกณฑ์ประเมินคุณภาพผู้รับเหมา จัดชั้นใหม่ ทำงานบกพร่องซ้ำซาก เกิดเหตุบ่อย เรตติ้งต่ำต้องถูกลดชั้น,ชะลอรับงานเพิ่ม
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่โครงการก่อสร้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ให้หน่วยงานเพิ่มมาตรการกำกับดูแลการก่อสร้างที่เข้มข้นมากขึ้น พร้อมทั้งเร่งจัดตั้งคณะทำงานฯ เพื่อเข้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ พร้อมทั้งสำรวจและติดตามด้านความปลอดภัย ก่อนที่จะนำมาพิจารณาและกำหนดแนวทางที่เข้มงวดในอนาคตต่อไป รวมถึงได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้าง ให้ตระหนักถึงมาตรการเชิงป้องกันและนำระบบการตรวจการณ์ความปลอดภัย Safety Audit มาใช้อย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้อุบัติเหตุเกิดซ้ำขึ้นอีก
“โดยที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุ จะให้ผู้รับจ้างหยุดก่อสร้าง 7 วันเพื่อทบทวนมาตรการด้านความปลอดภัยซึ่งถือเป็นการลงโทษผู้รับจ้าง เพราะทำให้เวลาในการทำงานหายไป แต่ก็เห็นว่ายังไม่เพียงพอ ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงาน เช่น กรมทางหลวงพิจารณาแนวทางเพิ่มเติม เช่นกรณี บริษัทนั้น เกิดเหตุซ้ำหลายครั้ง อาจจะพิจารณาเรื่องขึ้นบัญชีดำ (Black List) หรือปรับลดชั้นผู้รับเหมา ได้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างพิจารณาปรับเพิ่มแนวทางการกำกับคุณภาพการทำงานของผู้รับเหมา“นายสุริยะกล่าว
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ตามพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยจะมีคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ซึ่งมีกรมบัญชีกลางจะเป็นหน่วยงานหลัก มีอำนาจในการจดทะเบียน บริษัทผู้รับเหมา พร้อมกับให้อำนาจในการประเมินผลงานด้วย ซึ่งในคณะกรรมการฯ จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ เช่น สำนักงบประมาณ อัยการสูงสุด สมาคมผู้รับเหมา นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการร่วมด้วย โดยกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ร่วมในกรรมการชุดนี้ด้วย
ในขั้นตอนการจดทะเบียนผู้รับเหมาจะกำหนดเงื่อนไขการประเมินผลไว้ด้วย โดยคณะกรรมการชุดนี้ฯ อยู่ระหว่างร่างหลักเกณฑ์การประเมินผลผู้รับจ้าง หากพบว่าผู้รับเหมารายนั้น มีการทำงานบกพร่องต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด จะมีมาตรการลงโทษ เช่น หยุดการก่อสร้าง ชะลอหรือห้ามรับงานเพิ่มหรือ ปรับลดชั้น ไปจนขึ้นบัญชีดำ เป็นต้น ซึ่งเป็นบทลงโทษนอกเหนือจากข้อกำหนดในสัญญาก่อสร้างของแต่ละโครงการ
“เนื่องจาก ปัจจุบันมีการรับจดทะเบียนผู้รับเหมา แต่ยังไม่มีมาตรการประเมินผลการทำงาน กรณีทำงานล่าช้ามากๆ กรณีเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ เช่น ทำคานหล่นร่วง 2 ครั้ง ตอนนี้ ที่ทำได้ก็คือ หน่วยงานเจ้าของโครงการ สั่งหยุดงาน 7 วัน เพื่อทบทวนมาตราการความปลอดภัยใหม่ แต่หากกรมบัญชีกลางประกาศเงื่อนไขประเมินผลงานออกมาบังคับใช้ จะนำตรงนั้นมาใช้ได้ ซึ่งจะทำให้ได้ผู้รับเหมาพัฒนาศักยภาพการทำงานตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับลดชั้นหรือห้ามประมูลงานได้”
นายสราวุธกล่าวว่า ในส่วนของกรมทางหลวง มีข้อคิดเห็นว่า บทลงโทษในการทำงานที่มีปัญหามากๆ เช่น กรณีทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย บทลงโทษ คือ 1. การลดชั้นผู้รับเหมา 2. ชะลอการได้โครงการใหม่ เพื่อให้ผู้รับเหมา ทำงานที่มีอยู่ให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานก่อน ทั้งนี้การปรับลดชั้นจะมีผลต่อการเข้าร่วมประมูลโครงการของผู้รับเหมา
@รอประกาศเงื่อนไขเพิ่ม พร้อมทบทวน”คุณสมบัติ-ผลงาน”
สำหรับผู้รับเหมาที่ขึ้นทะเบียนกับกรมบัญชีกลาง จะมีการจัดลำดับ โดยใช้เงื่อนไข 5 องค์ประกอบ คือ ทุนจดทะเบียน สินเชื่อทางการเงิน จำนวนเครื่องจักร บุคลากร ผลงาน เป็นต้น โดยในส่วนของการก่อสร้างงานทาง จะแบ่งผู้รับเหมาเป็น 7 ชั้น ได้แก่ ผู้รับเหมาชั้นพิเศษ มีจำนวน 77 ราย สามารถเข้าประมูลงานได้ไม่จำกัดวงเงิน แต่กำหนดให้ ทำงานพร้อมกันได้ไม่เกิน 6 โครงการ รองลงมาคือ ผู้รับเหมาชั้น 1, ผู้รับเหมาชั้น 2 ,ผู้รับเหมาชั้น 3, ผู้รับเหมาชั้น 4 ,ผู้รับเหมาชั้น 5 ,ผู้รับเหมาชั้น 6 ตามลำดับ โดยผู้รับเหมาที่สามารถรับงานก่อสร้างของกรมทางหลวงได้ มีจำนวน 5 ชั้น คือตั้งแต่ชั้นพิเศษ จนถึงผู้รับเหมาชั้น 4
ทั้งนี้ จะมีการตรวจทบทวนคุณสมบัติกันทุก 3 ปี หากไม่ครบตามที่กำหนด ผู้รับเหมาจึงจะถูกปรับลดชั้น แต่ยังไม่มีเรื่องการประเมินผลการทำงาน ที่เป็นเรื่องสำคัญ ในขณะนี้ ซึ่งจะนำมาเป็นเงื่อนไขในการทบทวนคุณสมบัติผู้รับเหมา โดยหากคณะกรรมการฯและกรมบัญชีกลางได้ข้อสรุป จะมีการรับฟังความเห็น จากนั้น ออกประกาศปรับปรุงเงื่อนไขการจดทะเบียนต่อไป ซึ่งคาดว่า จะมีการทบทวนคุณสมบัติและผลงานคุณภาพการทำงานผู้รับเหมาเพื่อประเมินผล นำไปสู่การจัดชั้นผู้รับเหมาใหม่ต่อไป