"คมนาคม"เช็กความพร้อม เดินทางปีใหม่67 คาด 29 ธ.ค.66-2 ม.ค.67 ประชาชนใช้บริการรถสาธารณะเดินทางท่องเที่ยวรวม 15.84 ล้านคน สั่งสแกน"สภาพรถ-คนขับ"เข้ม ขบ.ตั้ง Checklist รวม 221 จุดทั่วปท. ด้านบขส.จัดรถวันละ 4,000 เที่ยว รถเสริม 700 เที่ยวรับกว่า 7 หมื่นคน ไม่มีตกค้าง
วันนี้ (18 ธันวาคม 2566) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายและเปิดกิจกรรมรณรงค์อำนวยความสะดวก และปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ภายใต้ชื่อ “ความปลอดภัย คือของขวัญที่ดีที่สุด” โดยมี นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทพร้อมด้วย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก เข้าร่วมกิจกรรมฯ ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดบูธกิจกรรมต่างๆ เช่น ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัยและบูธจุดตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ “Checking Point” รวมถึงมีการจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ภาพรวมนโยบายและมาตรการความปลอดภัย ของกรมการขนส่งทางบก
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องเทศกาลปีใหม่ 2567 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 1 มกราคม 2567 ซึ่งจะมีประชาชนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนา และมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั่วประเทศรวม 15.84 ล้านคน แบ่งเป็นระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล 14.1 ล้านคน และการเดินทางระหว่างจังหวัด 1.8 ล้านคน ซึ่งกระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้ทุกหน่วยงาน ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยในช่วงเทศกาลเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน และจัดมาตรการคุมเข้มรถสาธารณะเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางท้องถนนที่อาจจะเกิดขึ้น
โดย ได้สั่งการให้หน่วยงานบูรณาการความร่วมมือโดยอาศัยเทคโนโลยี นวัตกรรม ของทุกหน่วยงานให้เต็มประสิทธิภาพ เชื่อมโยงระบบการขนส่งสาธารณะ รวมถึงการคืนพื้นผิวจราจรได้เดินทางสะดวก ปลอดภัย ในส่วนบขส. ซึ่งได้มีการเปิดจองตั๋วล่วงหน้า และได้ จัดเตรียมรถเสริมไว้รองรับได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการและไม่มีปัญหาตั๋วไม่พอ หรือ ตกค้างอย่างแน่นอน
มีการจัดระเบียบและอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทางเพื่อลดความหนาแน่นในบริเวณสถานีขนส่งและสถานีรถไฟ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง Feeder เชื่อมต่อทุกโหมดการเดินทางให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ โดยไม่ใช้งบประมาณเพิ่ม เช่น ทดลองจุดจอดรถบขส.ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง กับรถไฟฟ้า รถขสมก. รถแท็กซี่ ทั้งขาเข้า-ขาออก อย่างไร้รอยต่อ โดยจะประสานกับรถไฟฟ้าสายสีแดง และ MRT สีน้ำเงิน ให้เปิดบริการเร็วขึ้นจาก 05.00 น. เป็น 04.00น. ซึ่งจะประเมินผลหากมีการจอบรับที่ดีจะขยายไปใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ต่อไป
รวมทั้ง จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องเรียนเฉพาะกิจ (1584) ณ สถานีขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ คอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนยังกำชับให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งดำเนินการตรวจความพร้อมผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศ ณ สถานประกอบการทั้งก่อนและระหว่างเทศกาล และจะตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถก่อนเดินทางทุกคันทุกคน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ได้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ ซึ่งหลังเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์กรุงเทพฯ-นาทวี ตกถนนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต เป็นบทเรียนราคาแพง และจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก โดยเพิ่มมาตรการตรวจสุขภาพคนขับรถโดยสาร โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลตำรวจ ส่วยกรณีรถทัวร์ 2 ชั้นนั้น ขณะนี้ เร่งพิจารณาความเหมาะสม เพื่อจัดโซนนิ่งเส้นทางที่จะวิ่งได้ เนื่องจาก รถ 2 ชั้น มีใช้งาน ในหลายประเทศ แต่ในแง่ภูมิประเทศก็ต้องมีการพิจารณา ให้เหมาะสม เช่น เส้นทางลาดชัน ทางโค้งคดเคี้ยวมากๆ โดยจะมีหน่วยงานทางวิชาการ เข้ามาร่วมศึกษาวิเคราะห์ ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ส่วนจะยกเลิกใช้งานหรือไม่ คงต้องรอดูผลศึกษาก่อนว่าเป็นอย่างไร
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ขบ.ได้จัดมาตรการด้านความปลอดภัย โดยสำนักงานขนส่งทุกจังหวัดได้ตรวจสอบสภาพรถของผู้ประกอบการให้มีความพร้อม และจะมี Checklist รวม 221 จุด ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร 123 แห่ง จุดจอด จำนวน 55 แห่ง จุดตรวจความปลอดภัย (Rest Area) จำนวน 15 จุด และจุด Checking Point จำนวน 28 จุด เพื่อให้รถโดยสารสาธารณะทุกคันมีสภาพมั่นคงแข็งแรงทั้งสภาพตัวรถภายนอกและภายใน อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยต่าง ๆ พร้อมใช้งานอยู่เสมอ และตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถ ประเมินสุขภาพและความพร้อมเบื้องต้น ตรวจสอบใบอนุญาตขับรถ ตรวจสอบการใช้ความเร็ว ชั่วโมงการทำงาน ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจต้องเป็นศูนย์ สุ่มตรวจการใช้สารเสพติด โดยเน้นย้ำพนักงานขับรถต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ป่วย ไม่เป็นไข้ โดยต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนขับรถทุกครั้ง เมื่อพบมีไข้ไม่พร้อมขับรถให้เปลี่ยนคนขับทันที และขับรถ 4 ชั่วโมงพัก ครึ่งชั่วโมงตามมาตรฐาน โดยตรวจสอบพฤติกรรมการขับรถจากระบบ GPS แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง
"ปีนี้ ได้เครื่องตรวจสภาพยางดิจตอล กว่า1,000 ชุดหากพบดอกยางมีปัญหาจะต้องเปลี่ยนทันที จะเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น"
นางสาวระพิพรรณ วรรณพินทุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า บขส. และรถร่วมฯจัดรถโดยสารรองรับวันละ 4,000 เที่ยว และจัดรถเสริม (รถ 30) อีก วันละ 700 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้วันละ 7 หมื่นคน ขณะที่ปกติ จะมีผู้โดยสารประมาณ วันละ 3.1-3.2 หมื่นคน โดยคาดตลอดเทศกาลปีใหม่ 7 วัน จะมีผู้โดยสารรถบขส.ประมาณ 4.7 แสนคนขณะนี้ จองตั๋วล่วงหน้าตามปกติเต็มแล้ว แต่มีรถเสริมบริการ ประชาชนยังสามารถจองตั๋วได้อีกไม่มีปัญหา
