ผู้จัดการรายวัน 360 – “พิมาลัย” เปิดเกมรุกตลาดท่องเที่ยวปี 2567 มั่นใจภาพรวมท่องเที่ยวไทยและที่ลันตา กระบี่ จะดีขึ้น เร่งปรับปรุงโครงการต่างๆต่อเนื่อง แต่ยังหวั่นปัญหาเรื่อง ไฟล์ทบินตรงจากจีนยังไม่มีบินกลับมา เดินหน้าหาตลาดอื่นทดแทน ปีหน้าคาดทั้งอัตราเข้าพักและค่าเฉลี่ยห้องพักจะปรับตัวสูงขึ้น
นางสาวชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ทายาทรุ่นที่ 2 และเจ้าของร่วมของ โครงการ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา กระบี่ เปิดเผยว่า ในปีหน้า(2567) บริษัทฯมีโครงการที่จะต้องทำการปรับปรุงหรือรีโนเวทอย่างต่อเนื่องอีกหลายโตรงการ รวมทั้งการดำเนินการโครงการใหม่ๆ เพื่อให้โรงแรมพิมาลัยมีความสมบูรณ์มากที่สุด รองรับกับตลาดของการเดินทางและท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นแล้วหลังจากที่ต้องเผชิญกับโควิด-19 ระบาดหนักมาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้เป้าหมายหลักปี 2567 คือ การปรับปรุงและขยายการบริการสปา ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่ได้ตั้งประมาณไว้ชัดเจน และการปรับปรุง Beach Villa ทั้ง 11 หลัง ใช้งบประมาณส่วนนี้ 30 ล้านบาท
นอกนั้นก็เป็นเรื่องของการดำเนินการต่อเนื่องในโครงการดูแลปะการังในบริเวณหมู่เกาะลันตา ร่วมกับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา และคุณ Anuar Abdullah, การขยายการดำเนินงานโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยไปยังนักเรียนชั้นประถมศึกษาขึ้นไป, การสนับสนุน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยปีหน้าคาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวโดยรวมของไทยและของเกาะลันตา กระบี่ จะดีขึ้นมากกว่าปีนี้ ทั้งในเรื่องของตลาดนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมามากขึ้น เที่ยวบินที่จะมาลงที่ภูเก็ตมีมากขึ้น อัตราการเข้าพักโรงแรมสูงขึ้นอีก 7% เป็น 72% จากเดิมปีนี้อยู่ที่ 70% ค่าที่พักเฉลี่ยต่อห้องต่อวัน (ADR) เพิ่มขึ้น 290 บาท เป็น 7,607 บาท
นางสาว ชรินทิพย์ กล่าวต่อถึงสถานการณ์โดยรวมของตลาดและผลการดำเนินงานของพิมาลัยตลอดช่วงปี 2566 ว่า ถือได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ธุรกิจท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดได้อย่างแท้จริงตามลำดับ ถึงแม้ว่าจำนวนเที่ยวบิน และราคาตั๋วเครื่องบินที่บินมาลงยังภูเก็ตยังไม่กลับมาเท่ากับปริมาณเดิมช่วงก่อนโควิดก็ตาม แต่ประเทศไทยก็ได้แสดงศักยภาพให้เห็นว่าเป็นประเทศที่เป็นที่ชื่นชอบของนักเดินทาง เพราะมี “Thai Hospitality”, “Thai Culture” และ “Thai Values”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังเป็นปัญหาในขณะนี้คือ จำนวนไฟล์ทบินของสายการบินที่บินตรงจากจีนมาลงที่กระบี่ยังไม่มีกลับมาเลยหรือมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด ที่มีเที่ยวบินตรงจากจีนมาลงที่กระบี่้เลยเฉลี่ยมากถึง 5-6ไฟล์ทบินต่อวันก็ยังมีมาแล้ว จึงทำให้ตลาดจีนค่อนข้างน้อย รวมทั้งตลาดเอเชียโดยรวมก็ยังค่อนข้างเงียบไม่คึกคัก เพราะจำนวนเที่ยวบินที่บินตรงเข้ามายังน้อยอยู่ เช่นที่มีบินตรงมาคือ มาจากสิงคโปร์และมาเลเซีย เป็นต้น
ดังนั้นสรุปภาพรวมตลาดที่มีการเติบโตมากที่สุดในกระบี่คือ อังกฤษ เยอรมัน เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการมาเที่ยวไทยสูง รู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี อยากมาเที่่ยวในสถานที่เที่ยวใหม่ๆในไทย และต้องการพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติในสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน จึงวางแผนจับกลุ่มยุโรปมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสแกนดิเนเวียนมากขึ้นในช่วงนี้ แต่ตลาดที่มีการเติบโตน้อยที่สุดก็คือ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ เพราะจำนวนจำกัดของสายการบินตามที่กล่าวไว้ (ปัจจุบันยังไม่มีสายการบินบินมาลงกระบี่)
ส่วนกลุ่มลูกค้าหลัก 5 อันดับแรกของทางพิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งเป็นรีสอร์ทระดับลักชัวรีบนเกาะลันตา กระบี่ ในช่วงนี้คือ อังกฤษ เยอรมัน สวิส อเมริกา จีน โดยมีที่พัก 121 ห้อง กลุ่มลูกค้าหลักของรีสอร์ท 90% เป็นชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยมี 10%
แต่ความแตกต่างของตลาดทั้ง 2 กลุ่มคือ ตลาดจากตะวันตกกับจากเอเซียนั้น แตกต่างกันคือ ตลาดนักท่องเที่ยวตะวันตก มักจะชอบมาในช่วงไฮซีซั่นคือ เดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน และมักจะพำนักแบบยาวหน่อยคือ ลองสเตย์ 7-10 คืนต่อครั้ง ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดเอเซียนั้นจะมักมาในช่วงโลว์ซีซันเดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม และจะพำนักระยะสั้น เฉลี่ย 2-3 คืนต่อครั้ง
แต่ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราการเข้าพักของพิมาลัย ปี 2566 จะดีขึ้นแล้วคือ65% มากกว่าช่วงปี2562ที่ทำได้ 60% เพิ่มขึ้น 5% แต่อัตราเฉลี่ยราคาห้อง (ADR) ที่ลดลงเหลือ 7,300 บาทต่อคืน จากก่อนโควิด-19 เคยได้สูงสุดถึง 8,000 บาทต่อคืน
เนื่องจากค่าใช้จ่ายในปี 2566 ที่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2562 กำไรจากการดำเนินกิจการของพิมาลัย คาดว่าจะโตขึ้นกว่าปี 2562 ประมาณ 2% และตั้งเป้าหมายว่าปี 2567 จะมีอัตราเข้าพักของรีสอร์ทไปถึง 72% ได้ หากการท่องเที่ยวกระบี่ฟื้นได้มากกว่านี้จากการทำตลาดโซนเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มหลัก คือ จีน อินเดีย และเกาหลีใต้
สำหรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวหลังโควิด ประเด็นหลักๆคือ ต้องการความใกล้ชิดธรรมชาติ และ วัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่มากขึ้น มีระยะ การเข้าพักที่นานขึ้น เที่ยวน้อยครั้งลง เพราะผลการะทบจากเศรษฐกิจ แต่ใช้จ่ายต่อการเที่ยว 1 ครั้งอาจจะมากขึ้นเพราะต้องการเที่ยว และพักผ่อนที่มีคุณภาพมากขึ้น
“ประเทศไทย และ กระบี่ ยังคงเป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสำคัญและเดินทางมาตลอด เนื่องจากจุดขายที่แข็งแกร่งของพิมาลัยที่เป็นที่ต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มยุโรป ซึ่งแสวงหา ธรรมชาติ หาดยาว 900 เมตร ในพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ 250 ไร่ มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะมีห้องพักเพียงแค่ 121 ห้อง ในพื้นที่ 250 ไร่ และเรามีThai Hospitality ที่บริการด้วยใจ มีความเป็นไทยทั้งเรื่องการตกแต่ง มารยาทไทย และเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวชุมชนและราคาที่เหมาะสม” นางสาวชรินทิพย์ กล่าว
•