xs
xsm
sm
md
lg

ก.พลังงานเตรียมเสนอครม.ปรับลดน้ำมันดีเซลเหลือ2ชนิดเริ่ม1พ.ค.67

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงพลังงานโดย กรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) อยู่ระหว่างเตรียมเสนอครม. เพื่อปรับลดชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วตามมติกพช.จาก 3 ชนิดคือดีเซลบี 7 บี 10 และบี 20 เหลือ 2 ชนิดโดยดีเซลบี 7 เป็นน้ำมันพื้นฐานส่วนดีเซลบี 20 เป็นน้ำมันทางเลือกเริ่ม 1 พ.ค. 67 เดินหน้าบังคับน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 5 เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ส่วนยอดใช้น้ำมัน 10 เดือนแรกโต 1.3% คาดปี 67 โต2-3%

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กระทรวงพลังงาน
เปิดเผยว่า ธพ. อยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อรับทราบแนวทางการปรับลดชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ( กพช.) เมื่อ 13 ธ.ค. 66 โดยปรับลดชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เหลือ 2 ชนิด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาที่เป็นน้ำมันฐานของประเทศจะมีการผสมไบโอดีเซล (B100) อยู่ที่ร้อยละ 7 ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดที่สามารถใช้กับน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ที่ค่ายรถยนต์ให้การยอมรับและไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ และให้มีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 เป็นน้ำมันทางเลือก เริ่ม 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้การปรับลดชนิดน้ำมันดังกล่าวจะไม่ส่งผลให้ปริมาณการใช้ปาล์มน้ำมันลดลง เนื่องจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในปัจจุบันมีสัดส่วนผสมไบโอดีเซลอยู่ที่ร้อยละ 7 อยู่แล้ว โดยมีการใช้ไบโอดีเซลอยู่ที่ 4.33 ล้านลิตร/วัน และการใช้น้ำมันปาล์มอยู่ที่ 3.77 ล้านกก./วัน และคาดว่าในปี 2567 จะมีการใช้ไบโอดีเซล อยู่ที่ 4.66 ล้านลิตร/วัน และการใช้น้ำมันปาล์มอยู่ที่ 3.88 ล้านกก./วัน ตามปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กพช. ได้มอบหมายให้ ธพ. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการอุปทานน้ำมันปาล์มหากได้รับผลกระทบจากการปรับลดชนิดน้ำมันดีเซลดังกล่าว

“ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)เมื่อเร็วๆนี้เห็นชอบให้ขยายเวลาผสมไบโอดีเซลต่อไปตามเดิมถึงสิ้นเดือนเม.ย. 67ทำให้ระหว่างนี้ไทยยังมีดีเซล 3 ชนิดคือ ดีเซลบี 7 บี 10 และบี 20 จนถึงพ.ค. 67 จะเหลือบี 7 และบี 20 เพื่อลดความสับสนประชาชน ส่วนกลุ่มเบนซินยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ ขณะเดียวกันธพ.ได้เตรียมบังคับใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ลดฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพของประชาชน โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไปตามครม.ได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ซึ่งกำหนดมาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) “น.ส.นันธิกากล่าว


สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 อยู่ที่ 152.17 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.3 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.50 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.9 การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 68.59 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.0 เนื่องจากในปี 2565 (ก.ย. – ต.ค.) มีการใช้น้ำมันดีเซลพื้นฐานเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.17 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 60.6 เนื่องจากการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 17.93 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.8 การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.36 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.8 คาดว่าทั้งปีการใช้จะเติบโต 1-2% ตามทิศทางเศรษฐกิจ
กำลังโหลดความคิดเห็น