กองทุนน้ำมันฯ สิ้นปี 2566 คาดติดลบราว 80,000 ล้านบาทจากที่เคยประเมินไว้ราว 100,000 ล้านบาท เหตุราคาตลาดโลกลดลงต่อเนื่องที่ล่าสุดทำให้กองทุนฯ ควักชดเชยดีเซลเหลือแค่ 0.55 บาทต่อลิตรเท่านั้น มีลุ้นพลิกเป็นบวกหากราคาลดต่อ เผยตรึงดีเซลอยู่ที่นโยบายกองทุนฯ ไร้ปัญหาแต่ต้องลดภาษีฯ ประกอบด้วย
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า จากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมาอ่อนตัวลงต่อเนื่องส่งผลให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) คาดการณ์ว่า ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะติดลบประมาณ 80,000 ล้านบาทจากเดิมที่เคยประเมินว่าจะติดลบ 100,000 ล้านบาทซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2566 กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 78,760 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 32,708 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จำนวน 46,052 ล้านบาท
“ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างลดลงต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่ทิศทางก็ยังคงผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูงโดยเฉพาะความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ยังต้องติดตามใกล้ชิด” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่องส่งผลให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เร่งลดภาระกองทุนน้ำมันฯ โดยเห็นชอบให้กองทุนน้ำมันฯ ลดอัตราการชดเชยดีเซลลงล่าสุดเหลือ 0.55 บาทต่อลิตรซึ่งหากราคาตลาดโลกอ่อนตัวต่อเนื่องมีโอกาสที่กองทุนน้ำมันฯ จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้เช่นกัน
สำหรับน้ำมันกลุ่มเบนซิน กบน.ยังเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ได้แก่ น้ำมันเบนซิน เรียกเก็บ 9.38 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เรียกเก็บ 2.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เรียกเก็บ 1.45 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เรียกเก็บ 0.81 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เรียกเก็บ 0.16 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียม เรียกเก็บ 1.50 บาทต่อลิตร ขณะที่ LPG ยังคงอุดหนุน (กองทุน 1) ที่ 7.42 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ยังคงมีไหลออกราว 77 ล้านบาทต่อวัน โดยมาจากการชดเชยราคาดีเซล 56.5 ล้านบาทต่อวัน และชดเชยราคา LPG 20.31 ล้านบาทต่อวัน
“ล่าสุดนโยบายได้กำหนดขยายเวลาตรึง LPG ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กก.ไปสิ้นสุด มี.ค. 67 จากสิ้น ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะกระทบกองทุนฯ ติดลบเพิ่มราว 2,000 ล้านบาท ส่วนดีเซลนั้นหากจะมีการตรึงราคาไว้ที่ 29.94 บาทต่อลิตรที่จะสิ้นสุด ธ.ค.นี้คงอยู่ที่ระดับนโยบาย แต่ปัจจัยหลักจำเป็นต้องอาศัยกลไกภาษีสรรพสามิตในการดูแลควบคู่กับกองทุนน้ำมันฯ” แหล่งข่าวกล่าว