จากผลสำรวจจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย นับตั้งแต่เดือน ม.ค.- ต.ค. ปี 2566 พบว่า มีจำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่จดทะเบียนใหม่ มากถึง 77,741 คัน เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในจำนวนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงอยู่ถึง 58,078 คัน หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทั้งคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า และคนที่กำลังจะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ให้ความสนใจก็คือ ความพร้อมของ “จำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้า” นั่นเอง ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายบริษัท ที่ได้เปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งาน และเทรนด์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยหนึ่งในผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า ที่ได้เปิดให้บริการในไทยเป็นเจ้าแรก ๆ ก็คือ “EV Station PluZ” ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR
ปัจจุบัน EV Station PluZ นี้มีการขยายเครือข่ายของสถานีชาร์จออกไปมากกว่า 500 แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย และถือเป็นเจ้าที่มีสถานีชาร์จไฟฟ้ามากเป็นอันดับ 1 ในไทยอีกด้วย
ล่าสุด EV Station PluZ ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ด้วยการเพิ่มระบบการ ”ชาร์จต่อเนื่อง” อัตโนมัติ โดยไม่ต้องถอดสายชาร์จเสียบใหม่ เมื่อหมดรอบชาร์จ เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
อีกทั้งช่วงปลายปีนี้ยังมีแคมเปญ “ปลั๊กหมุด” ตามจุดชาร์จในสถานี EV Station PluZ ตามจังหวัดที่เราไปท่องเที่ยวมาตลอดทั้งปี ออกมาเป็นไดอารีท่องเที่ยวรูปแผนที่ประเทศไทย ให้เราแชร์ลงโซเชียลมีเดีย เพื่อลุ้นรับรางวัลใหญ่ได้อีกด้วย
ปัจจุบันสถานีชาร์จ EV Station PluZ มีเครื่องชาร์จทั้งหมด 2 แบบ
1. แบบ Normal Charge
โดยรูปแบบ Normal Charge จะเป็นเครื่องชาร์จที่มีหัวชาร์จแบบ Type 2 ตามมาตรฐานของประเทศไทย ด้วยกำลังไฟ 7.4 กิโลวัตต์ และเป็นหัวชาร์จที่นิยมใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของฝั่งยุโรป ซึ่งจะเหมาะสำหรับรถยนต์ประเภท PHEV (Plug-In Hybrid Electric Vehicle) หรือรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV ที่มีการใช้งานในพื้นที่ที่มีการจอดนาน โดยจะใช้เวลาในการชาร์จขั้นต่ำประมาณ 3 ชม.
2. แบบ Quick Charge
โดยรูปแบบ Quick Charge จะเป็นเครื่องชาร์จที่มีหัวชาร์จแบบ CCS COMBO Type 2 เพื่อรองรับหัวชาร์จรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งเหมาะสำหรับรถยนต์ประเภท BEV หรือรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า 100% ข้อดีของแท่นชาร์จประเภทนี้ คือใช้เวลาในการชาร์จน้อย เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่เร่งด่วน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมือง รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยว โดยจะใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 30 นาที ก็สามารถเติมความจุได้ถึง 80% ของความจุแบตเตอรี่
ในส่วนของอัตราการให้บริการ จะแบ่งเป็นค่าชาร์จและค่าจองชาร์จล่วงหน้า
โดยค่าชาร์จ จะคำนวณตามปริมาณการชาร์จไฟจริง โดยกำหนดราคาตามช่วงเวลาการใช้งาน (Time of Use: TOU) อ้างอิงตามค่าไฟที่เรียกเก็บจากทางการไฟฟ้า เช่น
- ช่วง Peak ราคา 7.5 บาทต่อหน่วย สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09:00-22:00 น.
- ช่วง Off-Peak 5.5 บาทต่อหน่วย สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22:00-09:00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์
สำหรับค่าจองเวลาชาร์จล่วงหน้า จะอยู่ที่ประมาณ 20 บาทต่อช่วงเวลาการจอง และหลังจากที่ใช้บริการภายในรอบเวลาที่จอง ระบบก็จะคืนค่าจองเป็นส่วนลดค่าชาร์จในรอบการจองนั้นให้
ล่าสุด EV Station PluZ ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจระหว่างการเดินทาง และเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการเพิ่มระบบการ “ชาร์จต่อเนื่อง” อัตโนมัติ ทำให้สามารถชาร์จได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องถอดสายชาร์จเสียบใหม่เมื่อหมดรอบชาร์จ (กรณีที่ช่วงเวลาต่อไปไม่มีการจอง ทั้งรูปแบบ Walk-in และจองชาร์จล่วงหน้า)
อีกทั้งยังสามารถจองชาร์จล่วงหน้าได้สูงสุด 10 ช่วงเวลา/วัน เพื่อตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภคที่ต้องเตรียมรถให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกล รวมถึงการให้บริการชาร์จที่ครอบคลุมการใช้งานในรถขนส่ง หรือรถโดยสารขนาดใหญ่ อย่างเช่น รถเมล์ไฟฟ้า อีกด้วย
ที่มากไปกว่านั้นคือ ตอนนี้ EV Station PluZ กำลังจัดแคมเปญ “ปลั๊กหมุด” ซึ่งเป็นการเลียนเสียงของคำว่า “ปักหมุด” เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นแล้วนึกถึงความครอบคลุมของสถานีบริการ EV Station PluZ ที่มีครบทั้ง 77 จังหวัด รวมไปถึงมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้คนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า สามารถร่วมสนุกได้ง่าย ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
EV Travel Diary เว็บไซต์ที่จะคอยสรุปว่าตลอดทั้งปี ผู้ใช้บริการ EV Station PluZ มีการเดินทางไปเที่ยว และชาร์จในสถานี EV Station PluZ มาแล้วกี่จังหวัด ซึ่งเป็นเหมือนไดอารีท่องเที่ยวประจำตัว แต่แค่เปลี่ยนจากการประทับตราเป็นการ “ปลั๊กหมุด” ในจุดที่เคยชาร์จ เพื่อเป็นการเช็กอินจังหวัดที่เราไปท่องเที่ยวนั่นเอง
โดยทั้งหมดนี้จะสรุปออกมาเป็นรูปแผนที่ประเทศไทย และผู้เข้าร่วมสามารถอัปโหลดภาพที่เคยไปเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ เข้าไป เพื่อให้สรุปออกมาเป็นภาพกิจกรรม ที่สามารถแชร์ลง Facebook เพื่อลุ้นรับของรางวัล Gift Set จาก EV Station PluZ ได้อีกด้วย
โดยปัจจุบัน EV Station PluZ ได้ขยายสถานีชาร์จออกไปมากกว่า 500 สถานี (ข้อมูล ณ 31 ตุลาคม 2566) ซึ่งครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย และทาง OR ได้วางแผนการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า EV Station PluZ ให้มากขึ้น รวมเป็น 800 แห่ง ภายในสิ้นปี 2566 นี้
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีการวางแผนในการหาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ในการขยาย EV Station PluZ อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายไว้ที่ 7,000 หัวชาร์จ (แบบ DC) ภายในปี 2573 เพื่อให้ครอบคลุมทั้งบนถนนสายหลัก ถนนสายรอง อำเภอขนาดใหญ่ และเชื่อมเส้นทางตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญภายในประเทศ
ซึ่งนอกจากจะมีการขยายไปในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่เป็นจุดแวะพัก ยังมี Commercial Area อื่น ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร และอาคารสำนักงาน เพื่อให้พร้อมสำหรับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า ที่มากขึ้นในอนาคตนั่นเอง
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและกิจกรรมของ EV Station PluZ ได้ที่ Facebook : EV Station PluZ
(Advertorial)