การตลาด – เปิดแนวคิดและกลยุทธ์เอเซอร์เมื่อตลาดพีซี ไม่บูมเหมือนอดีต เอเซอร์ ต้องพลิกตัว มองหา เอ็นจิ้น ใหม่ๆในการช่วยขับเคลื่อน ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเดินมาถูกทาง กับสนาม เครื่องดื่มชูกำลัง และ ตลาด CE ที่ลุยไปแล้ว 4 กลุ่มสินค้า
“ตลาดรวมสินค้าไอที โดยเฉพาะตลาดพีซี เมื่อเรามองย้อนกลับไปจะพบว่า ตลาดรวมเริ่มอิ่มตัวมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2012 แล้ว แม้ว่าตลาดรวมจะไม่ตกมาก แต่ก็ไม่ได้โตเท่าไร จะมีขึ้นบ้างก็ช่วงโควิดระบาดหนัก โดยมีปริมาณตลาดพีซีรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 2.4 ล้านยูนิตต่อปี”
คือคำกล่าวของ นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด
เอเซอร์ เอง ก็คงไม่ต่างกับตลาดรวมเท่าใดนัก ที่้ต้องเผชิญกับภาวะตลาดที่อิ่มตัวเต็มที่ของสินค้าไอที คอมพิวเตอร์ และพีซี
การจะเดินหน้าต่อในตลาดที่ไม่โตมาก ก็เท่ากับว่า เป็นการหยุดการเติบโตของตัวเองโดยปริยาย
ยุทธศาสตร์ย่างก้าวจึงต้องมีการปรับตัว มองหาตลาดใหม่ๆที่น่าสนใจ และตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเลคทรอนิกส์ คือ ตลาดที่เอเซอร์ให้ความสนใจ ซึ่งหมายรวมถึง ตลาดคอนซูเมอร์อิเลคทรอนิกส์ด้วย (Consumer Electronics /CE)
แม้ว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่ใช่เป็นตลาดใหม่ในสายตาของคนทั่วไป แต่เอเซอร์ กลับมอง แตกต่างออกไป
นายนิธิพัทธ์ ฉายภาพให้ชัดเจนว่า “ความหมายองตลาดอิเล็คทรอนิกส์ของเราคือ การทำตลาด ‘มัลติเพิล บิสซิเนส เอ็นจิน’ (Multiple Business Engine) เพื่อขยายธุรกิจภายใต้แบรนด์ ‘Acerpure’ ทำตลาดในกลุ่มสินค้า (Consumer Electronic Lifestyle Products) เพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจเอเซอร์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และการดำเนินชีวิตของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องฟอกและหมุนเวียนอากาศ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องกรองน้ำ และสินค้าอื่นๆ ที่จะมีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยต่อไป”
การเคลื่อนทัพของ เอเซอร์ ในไทย ไม่ใช่เป็นการดำเนินการเอง แต่เป็นไปตามบริษัทแม่ที่ไต้หวันของเอเซอร์วางนโยบายไว้เช่นกัน โดยได้เริ่มทดลองตลาดนำร่องมาปริมาณ 2 ปีแล้ว อย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยประเดิมเมื่อปี 2564 กับการวางตลาดสินค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ไลฟ์สไตล์ตัวแรก คือ เครื่องฟอกอากาศ และตามมาด้วย เครื่องหมุนเวียนอากาศ (Acerpure Cool) ที่ใช้ตัวกรอง HEPA Plus+ Filter แผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง แบบ 4-in-1 ขจัดฝุ่นละออง PM2.5 เรียกได้ว่าตัวแรกก็สร้างชื่อได้ระดับหนี่ง เพราะเกิดมาถูกจังหวะพอดีกับฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงในขณะนั้น
ปี 2565 ก็ขยายตลาดต่อด้วยการเปิดตัว เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย (Acerpure Clean) แรงดูดสูงถึง 23000pa น้ำหนักเบา1.5 กิโลกรัม ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน
ล่าสุดคือ ปี 2566 นี้เปิดตัวเครื่องกรองน้ำ”Acerpure Aqua WP1’ เมื่อเดือนพฤศจิกายนนี้เอง
ประเทศไทยก็เป็นตลาดสำคัญแห่งหนึ่งในเอเซียของเอเซอร์ จึงนับเป็นตลาดแรกๆที่เอเซอร์เปิดตัวเอเซอร์เพียวในการลงสู่ตลาดใหม่นี้ รวมทั้ง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่นเอเซอร์ ได้กระโจนเข้าสู่ตลาดConsumer Electronic Lifestyle มาเมื่อช่วง 2-3ปีที่แล้ว โดยนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย
เขากล่าวด้วยว่า ปีหน้าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการรกหนักมากขึ้นกับกลยุทธ์การรุกสู่ตลาดคอนซูเมอร์อิเลคทรอนิคส์ ที่เป็น เอนจิ้นใหม่ (Engine) ของเรา เนื่องจากแผนการจัดตั้งบริษัทใหม่ที่แยกออกมาโดยเฉพาะตัวเอเซอร์เพียวเองนั้นคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในต้นปีหน้าแน่นอน ซึ่งช่วงแรกที่ผ่านมาจะเป็นทีมงานของเอเซอร์เดิมเองที่่ดูแล แต่ในบริษัทใหม่จะมีทีมงานเฉพาะที่เข้ามาบริหารจัดการเอเซอร์เพียว เพราะการคิดการทำตลาดไม่เหมือนกับสินค้าไอที หรือพีซี แบบเดิม
แต่สิ่งที่่ทั้ง PC หรือ CE ที่ เอเซอร์กรุ๊ปทำนั้น ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ฟังชั่นการใช้งาน การออกแบบ การบริการ เหมือนกันทั้งหมด
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ เอเซอร์กรุ๊ป ก็มีการแยกบริษัทออกมาดำเนินการธุรกิจเฉพาะเช่นกัน คือ โดยบริษัท ในกลุ่ม Acer Group ประเทศไทย ประกอบด้วย
1.บริษัท ไฮพอยท์ เซอร์วิส เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ให้บริการในรูปแบบมัลติแบรนด์ภายใต้ Acer Group สำนักงานใหญ่ HSN ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของศูนย์บริการ 10 แห่ง และผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต 93 แห่งทั่วประเทศ ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับทีม on-site, ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า, ฝ่ายช่วยเหลือ, คลังสินค้า (บริหารจัดการสินค้าคงคลังอะไหล่สำหรับสถานที่ตั้งทั่วประเทศและโลจิสติกส์ ศูนย์ซ่อมและศูนย์บริการสาขาเพื่อรองรับลูกค้า walk-in)
2.บริษัท อัลทอส คอมพิวติ้ง จำกัด [Altos Computing ] ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเซอร์วิส สำหรับเอ็นเตอร์ไพรส์ ด้วยกลยุทธ์ Make Computing Smarter ครอบคลุมทุกความต้องการของธุรกิจองค์กร รองรับการเติบโตของความต้องการดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว
3. บริษัท เอเซอร์ ไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ อิงค์ จำกัด (Acer Cyber Security Inc. : ACSI) ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับมืออาชีพ
อีกปัจจัยที่ นิธิพัทธ์ เชื่อมั่นว่า เอเซอร์เพียว ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ทั้งเรื่องของแบรนด์ โดยเฉพาะเป็นแบรนด์ภายใต้ชื่อ เอเซอร์(เพียว) ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีอยู่แล้วไม่ต้องเสียเวลาสร้างแบรนด์ใหม่แต่อย่างใด รวมไปถึงการใช้เครือข่าย ช่องทางทางการจำหน่าย การบริการหลังการขาย สามารถที่่จะร่วมมือกับทางธุรกิจเดิมอย่างพีซีได้ไม่น้อย ทำให้มีความแข็งแกร่งมากพอสมควร
อันที่จริงแล้ว เอเซอร์ ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ทำตลาดที่ไม่ใช่กลุ่มพีซี หรือไอที ในช่วงที่ผ่านนมา กับแบรนด์ต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ แบรนด์ Pawbo , ผลิตภัณฑ์ดีไวซ์สำหรับใช้กับจักรยานแบรนด์ Xplova, ผลิตภัณฑ์สมาร์ทแกดเจ็ต เช่น Acer Halo smart speaker ลำโพง และเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ Predator Shot
ทั้งนี้ เครื่องดื่มชูกำลังPredator Shot ทำตลาดเมทื่อปี 2564เป็นการต่อยอดมาจากแบรนด์ พรีเดเตอร์ ที่เอเซอร์ ตั้งขึ้นมาเพื่อรุกตลาดเกมมิ่งโดยเฉพาะ และประสบควาสำเร็จเอย่างมาก จึงแตกไลน์ออกมาทำเครื่องดื่มชูกพำลังระดับพรีเมียม จำหน่ายราคา 20 บาท ช่วงแรกขายเฉพาะในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น โดยที่เอเซอร์ตั้งเป้ายอดขาย พรีเดเตอร์ ช็อต ช่วงรอบปีแรกไว้ที่่ 1.5 – 2 ล้านกระป๋อง
แต่ครั้งนี้เป็นการใช้ชื่อ เอเซอร์เพียว ล้อ ไปกับ ชื่อเดิมคือ เอเซอร์
นายสุพงศ์ ตั้งตรงเบญจศีล รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ‘Acerpure’ แบรนด์ภายใต้เอเซอร์ มุ่งดำเนินธุรกิจตามแนวทางของบริษัทฯ พร้อมขยายการทำตลาดเชิงรุกในกลุ่มสินค้านอน-ไอที (Non-IT) ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Acerpure ยังสอดรับรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการความสะดวกสบายไม่ยุ่งยาก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กิจกรรมที่ทำ งานอดิเรกที่มี คุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดี ซึ่งจะมีความต้องการสินค้าประเภทต่างๆ ที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิต ซึ่ง Acerpure มองเห็นโอกาสในการทำตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
สำหรับ ‘Acerpure’ มาพร้อมจุดเด่นทั้งด้านคุณภาพมาตรฐานสินค้า การรับประกัน และการบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์เอเซอร์ ที่มีชื่อเสียงในไทยมานานร่วม 30 ปี โดยปัจจุบันมีศูนย์บริการรวม 10 แห่ง และตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากเอเซอร์มากกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมไปถึงการให้บริการหลังการขายในรูปแบบบริการถึงที่ (Onsite Service) ให้กับลูกค้าเอเซอร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งเอเซอร์ประเทศไทยก็เป็นฮับของอินโดไชน่าอยู่แล้วด้วย
ช่องทางการจำหน่ายของ เอเซอร์เพียว ในระยะแรกนี้ อาจจะเน้นไปที่่ตัวแทนจำหน่ายเดิมก่อน และร้านค้าทั่วไป และมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้นไปสู่ค้าปลีกเครือข่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ไลฟ์สไตล์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น โฮมโปร ร้านไอทีบางร้านที่มีตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วย รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ ลาซาด้า ช้อปปี้ และเอเซอร์ออนไลน์สโตร์ เอง ซึ่งเอเซอร์เพียไม่หวั่นเรื่องของช่องทางจำหน่ายออฟไลน์ เพราะกว่า 50% ของตลาดรวมพวกนี้ซื้อขายกันทางออนไลน์อยู่แล้ว
“ ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มต้นยังอยู่ในช่วงของเฟสแรกของการทำตลาด สร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคและตลาดรู้ว่า เอเซอร์เพียวคืออะไร เป็นใคร ในช่วง 2 ปีแรก จากนั้น ก็จะต้องใ้ห้ตลาดรู้ว่า เอเซอร์เพียว มีอะไรบ้างที่ตอบสนองตลาดได้ ซึ่งตอนนี้เราก็มีสินค้า 4 กลุ่มแล้ว”
ส่วนปีหน้าเตรียมที่จะขยายตลาดในกลุ่มใหม่ๆเพิ่มอีก คือ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดเล็กหรือ เอชเอ (Home Appliance / HA) เช่น ไดร์เป่าผม และมีอีกกลุ่มที่ยังไม่เปิดเผย ส่วนกลุ่มเดิมที่ทำอยู่แล้ว ก็จะออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง
โดย 4 กลุ่มที่ว่าคือ 1.เครื่องฟอกอากาศ มีสินค้าตลาดตอนนี้ 5 รุ่น, 2. เครื่องหมุนเวียนอากาศ มี 2 รุ่น, 3.เครื่องดูดฝุ่น มี 2 รุ่น และ 4. เครื่องกรองน้ำมี 1 รุ่น
“บริษัทแม่เรามีสินค้ากลุ่มนี้มากมาย เช่น ทีวี ฺฮีตเตอร์ เครื่องกรองน้ำติดผนัง เครื่องซักผ้า โรงงานผลิตอยู่ที่จีน แต่นำเข้ามาจากไต้หวัน ซึ่วเรก๋ต้องดความเหมาะสมก่อนว่า สินค้าอะไรควรนำเข้ามาจำหน่าย หรืออะไรที่ยังไม่ถึงเวลานำเข้ามาทำตลาด” นายนิธิพัทธ์ กล่าว
แต่เขาก็ยอมรับว่า เอเซอร์เพียว ยังมีจุดอ่อนคือ การเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดนี้ในไทยที่มีการแข่งขันรุนแรงอย่างตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่โอกาสก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี เพราะตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นตลาดที่ใหญ่และมีมูลค่ามาก
อีกทั้่ง นอกจากตลาดผู้บริโภคหรือบีทูซี (B2C) ที่จับกลุ่มระดับกลางขึ้นบนแล้ว โดยระดับราคาเริ่มต้นที่ 2,900 บาทต่อรายการ เอเซอร์เพียวก็เตรียมที่จะลงเล่นในตลาด บีทูบี (B2B )ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องกรองน้ำที่ทำตลาดใหม่นี้ ในส่วนของหน่วยงานราชการระดับท้องถิ่นที่จะเข้าร่วมประมูลในปีงบประมาณหน้าเป็นต้นไป
นายพุทธณะ อึ้งใจธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ ฝ่ายธุรกิจค้าปลีก บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวถึง ผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำ ‘Acerpure Aqua WP1’ ว่า เป็นเครื่องกรองน้ำ RO 3-in-1 ขนาดกะทัดรัด สะดวก ไม่ต้องติดตั้ง ให้น้ำดื่มสะอาดบริสุทธิ์ที่เลือกได้ทั้งน้ำร้อน เย็น และอุณหภูมิปกติ และยังมีความพิเศษด้วยระบบการผลิตน้ำไฮโดรเจน เพิ่มความสะดวกในการใช้งานผ่านจอแสดงผลระบบสัมผัส
โดย Acerpure Aqua WP1 ได้รับการรับรองโดย SGS Water Quality Test ประเทศไต้หวัน ที่ให้คุณภาพน้ำที่สะอาดด้วยการกรอง 4 ขั้นตอน ได้แก่
(1) ไส้กรองโพลิโพรมิลีน (PP) และคาร์บอนบล็อค ช่วยกำจัดอนุภาค ตะกอน คลอรีนตกค้าง กลิ่นและสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs)
(2) ไส้กรองเมนเบรน RO ช่วยกรองสารทุกชนิดได้ละเอียดถึงขนาด 0.001 ไมครอน
(3) ไส้กรองคาร์บอนแบบเกร็ด ช่วยปรับปรุงรสชาติของน้ำและคืนแร่ธาตุที่จำเป็น
(4) การฆ่าเชื้อด้วย UVC ในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้มั่นใจได้ว่า จะได้น้ำที่สะอาดสดชื่น
โดยมีถังเก็บน้ำขนาด 8.7 ลิตร พร้อมระบบทำความสะอาดท่อน้ำและไส้กรองภายในแบบอัตโนมัติ มีระบบแจ้งเตือนเมื่ออายุการใช้งานเหลือ 20% และแจ้งเปลี่ยนไส้กรองเมื่อถึงกำหนด
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่น ไม่ต้องติดตั้ง เสียบปลั๊ก ก็พร้อมใช้งานได้ทันที และเปลี่ยนไส้กรองได้อย่างง่ายดายเพียงมือหมุน เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยให้ความเป็นส่วนตัว โดยไม่ต้องเรียกช่างมืออาชีพมาติดตั้ง Acerpure Aqua WP1 ยังตอบโจทย์การรักษ์โลก ด้วยน้ำที่เหลือจากการกรองยังสามารถนำมาใช้หมุนเวียนในชีวิตประจำวันทั้งรดน้ำต้นไม้หรือทำความสะอาดที่พักอาศัยได้อีกด้วย
สำหรับผลิตภัณฑ์ Acerpure Aqua WP1 จำหน่ายราคา 29,990 บาท (รวม VAT) การรับประกัน 2 ปี (ฟรีค่าแรงและอะไหล่ พร้อมบริการ Onsite) โปรโมชันผ่อนชำระ 0% (เงื่อนไขขึ้นอยู่กับร้านค้า และธนาคารสถาบันการเงินที่ออกบัตร)
ส่วนผลิตภัณฑ์ Acerpure อื่นๆคือ
1. เครื่องฟอกและหมุนเวียนอากาศ (Acerpure Cool) : Acerpure Cool C1 ราคา 7,990 บาท, Acerpure Cool C2 ราคา 9,990 บาท รับประกัน 1 ปี
2. เครื่องฟอกอากาศ Acerpure P2 ราคา 6,990 บาท รับประกัน 1 ปี
. 3. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย (Acerpure Clean) : Acerpure V1 6,990 บาท และ Acerpure V1 Lite ราคา 2,990 บาท รับประกัน 1 ปี
4. เครื่องกรองน้ำ Acerpure Aqua WP1 วางจำหน่ายในราคา 29,990 บาท รับประกัน 2 ปี”
“เรามีเป้าหมายที่จะทำยอดขายของ เอเซอร์เพียว ให้มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 15% ของรายได้รวมของเอเซอร์ในไทย” นายนิธิพัทธ์ กล่าวสรุป อย่างมั่นใจ