ภาพรวมของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ส่งผลให้การดำเนินงานของ BEM โตต่อเนื่อง ไตรมาส 3/2566 ทำรายได้ทะยาน 4,448 ลบ. (รวมเงินปันผลรับและรายได้อื่น) กำไรสุทธิ 970 ลบ. ขณะที่กำไรสุทธิงวดเก้าเดือนปี 2566 พุ่ง 2,620 ล้านบาท ภายใต้การดำเนินงานที่ให้ความสำคัญด้าน ESG
ดร. สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2566 ว่า “ในไตรมาสนี้ภาพรวมของรายได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยมีรายได้จากการให้บริการ จำนวน 4,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 443 ล้านบาท หรือร้อยละ 12 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 970 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 107 ล้านบาท หรือร้อยละ 12เช่นเดียวกัน”
สำหรับรายได้ธุรกิจทั้ง 3 ส่วนของบริษัท แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจทางพิเศษ จำนวน 2,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา 106 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนทุกสายทาง โดยปริมาณรถที่ใช้ทางด่วน ในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.11 ล้านเที่ยวต่อวัน โดยเฉพาะทางพิเศษศรีรัชส่วนบีและส่วนดี เนื่องจากเป็นสายทางที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้มีการเติบโตที่สูงกว่าสายทางอื่น เป็นผลจากการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวกลับมา รวมถึงทางพิเศษศรีรัช- วงแหวนรอบนอก (ทางพิเศษประจิมรัถยา) ยังคงมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
รายได้จากธุรกิจระบบราง หรือรถไฟฟ้า MRT มีจำนวน 1,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น 243 ล้านบาท โดยผู้ใช้บริการในไตรมาสนี้เฉลี่ยทุกประเภทวันอยู่ที่ 410,590 เที่ยวต่อวัน โดยในวันที่ 25 สิงหาคม 2566 เป็นวันที่มีจำนวนผู้โดยสารสูงที่สุดจำนวน 526,900 เที่ยว ในส่วนของรายได้รับจ้างเดินรถโครงการสายสีม่วงเพิ่มขึ้น 57 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาสัมปทาน
รายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีจำนวน 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 37 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้การให้เช่าพื้นที่สื่อโฆษณาและให้เช่าพื้นที่ร้านค้าปลีกใน Metro Mall
ขณะเดียวกัน ผลประกอบการของงวดเก้าเดือนปี 2566 ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ BEM อย่างชัดเจน ด้วยกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท มีจำนวนถึง 2,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 787 ล้านบาท หรือร้อยละ 43
นอกจากนี้ BEM ได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ ดีเลิศ (Excellent CG Scoring) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากการสำรวจด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2023 : CGR) ซึ่งมีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมการประเมินรวมทั้งสิ้น 782 บริษัท สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และดำเนินงานตามกรอบการบริหารจัดการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล อีกทั้งยังได้รับรางวัล “หุ้นยั่งยืน” SET ESG Ratings ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ในกลุ่มบริการ (Services) โดยได้รับการจัดลำดับให้อยู่ในระดับ AA
ทั้งนี้ BEM จะยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็ง ด้วยความพร้อมและความมุ่งมั่นในการส่งมอบการบริการคมนาคมขนส่งที่ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance : ESG) สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาองค์กรให้เติบโตมั่นคงอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน