xs
xsm
sm
md
lg

EGCO เทงบปีหน้า 3 หมื่นล้าน เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าอีก 1 พัน MW

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอ็กโก กรุ๊ปตั้งงบลงทุนปีหน้า 3 หมื่นล้านบาท ขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่อีก 1 พันเมกะวัตต์ ชี้สงครามอิสลาเอล-ฮามาสทำราคาพลังงานผันผวน แต่ส่งผลกระทบต่อบริษัทไม่มาก

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทตั้งงบลงทุนเท่ากับปีนี้อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 พันเมกะวัตต์ (MW) จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 7,023 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนราว 1,418 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของกำลังผลิตทั้งหมด

ทั้งนี้ บริษัทหยุดการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มเติม รวมทั้งมีแผนขายเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจหลายรายเข้ามาตรวจสอบและประเมินสถานะการเงิน (due diligence) คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 2567 ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เอ็กโก กรุ๊ปเข้าไปถือหุ้นก็ศึกษาการใช้แอมโมเนียไปผสมทดแทนถ่านหินบางส่วน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสอดคล้องเป้าหมายบริษัทที่ต้องการเป็น Net Zero Carbon ภายในปี ค.ศ. 2040

นายเทพรัตน์กล่าวถึงผลกระทบจากสงครามอิสลาเอลกับกลุ่มฮามาสว่า ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าช่วงแรกทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับปี 2565 ที่เกิดวิกฤตพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่แตกต่างกันที่อิสราเอล-กลุ่มฮามาส ไม่ได้เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกพลังงานหลักของโลก ดังนั้นคงต้องติดตามสถานการณ์และการขยายวงสงครามในตะวันออกกลาง เช่น ประเทศอิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลกจะเข้ามาร่วมในสงครามหรือไม่

นอกจากนี้ สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเอ็กโก กรุ๊ป เนื่องจากสินทรัพย์และการลงทุนของบริษัทไม่ได้อยู่ในพื้นที่ความขัดแย้ง แต่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและเชื้อเพลิง หากสงครามขยายวงกว้างจะมีผลทำให้ราคาพลังงานดีดตัวขึ้นสูง อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เป็นส่วนใหญ่ราว 77% ของกำลังผลิต ทำให้ส่งผ่านราคาต้นทุนเชื้อเพลิงได้โดยไม่ต้องแบกรับ มีเพียงการขายตรงให้ลูกค้า (IU) ราว 2% ที่จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่แพงได้

เมื่อเร็วๆ นี้ เอ็กโก กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (หุ้นกู้กรีนบอนด์) เป็นครั้งแรก มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ต่อนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ เมื่อวันที่ 1-2 พ.ย. 2566 และจัดออกหุ้นกู้เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2566 โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากกว่า 80 ราย ที่แจ้งความจำนงความต้องการลงทุนเป็นจำนวนกว่า 20,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.15 เท่าของมูลค่าการเสนอขายเดิมที่ 6,500 ล้านบาท บริษัทจึงเพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoes) อีก 500 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการและช่วยขยายฐานนักลงทุนใหม่

โดยบริษัทจะนำวงเงินระดมทุนนี้ไปใช้ชำระคืนเงินทุนสำหรับโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมประเภทพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมของบริษัทและบริษัทในเครือ ภายใต้กรอบการจัดหาเงินทุนเพื่อโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593


กำลังโหลดความคิดเห็น