กระทรวงพลังงานเฝ้าระวังราคาน้ำมันโลกใกล้ชิด โดยล่าสุดราคาปรับความร้อนแรงลง แต่หากวิกฤติจริงพร้อมพิจารณากลไกต่างๆในการช่วยเหลือ ส่วนค่าไฟฟ้ารอลุ้นราคา LNG เป็นสำคัญ แย้มการเลือกผู้ว่า”กฟผ.” ต้องรอตั้งบอร์ดกฟผ.คาด 1 เดือนจบจากนั้นต้องเรียกถก”เทพรัตน์”หากรับเงื่อนไขดำเนินนโยบายรัฐบาลได้ไร้ปัญหา
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ทรวงพลังงานได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์ราคาพลังงานจากผลกระทบการสู้รบของอิสราเอลและฮามาสช่วงที่ผ่านมาพบว่าราคาเริ่มอ่อนตัวลงแต่กระทรวงฯยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดประชาชนไม่ต้องกังวลว่าน้ำมันขาดแคลนเพราะไทยมีน้ามันสำรองใช้นานถึง70วัน ขณะเดียวกันยังมีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะดูแลระดับราคาดีเซลไว้ระดับเดิมจนถึงสิ้นปีแต่หากวิกฤติราคารุนแรงจริงก็อาจมองเครื่องมือในเรื่องของเงินกู้เพิ่มเติมและกลไกภาษีสรรพสามิตร แต่เชื่อว่าจะไม่ถึงขั้นต้องใช้นโยบายดังกล่าวดังนั้นจึงขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกและขอให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนราคาค่าไฟงวดมกราคม-เมษายน2567 ต้องพิจารณาแนวโน้มราคาเชื้อเพลิงอีกครั้ง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) และปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณที่จะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนเมษายน2567 ตามสัญญา จากปัจจุบันอยู่ที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หากราคา LNGลดลงและปริมาณก๊าซฯตามแผนจะส่งผลดีต่อค่าไฟ จากปัจจุบันรัฐบาลสั่งลดราคาค่าไฟเฉลี่ยเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)และบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ช่วยรับภาระไปก่อน
สำหรับการการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงพลังงาน ว่า คาดว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่จะประชุมในวันที่ 16 ต.ค.66 นี้ แต่ในส่วนของรายชื่อผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ยังต้องรอการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกฟผ.(บอร์ดกฟผ.)หลังจากบอร์ดชุดเก่าได้ลาออกไปเมื่อ 1 ต.ค. 66 ซึ่งขณะนี้มีรายชื่อบอร์ดกฟผ.แล้วคาดว่าจะสามารถนำเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.)ได้ภายใน 1 เดือนนี้
“ คนร.ก็ต้องมีการแต่งตั้งใหม่เมื่อตั้งแล้วก็คงจะพิจารณาการตั้งบอร์ดกฟผ.ได้จากนั้นบอร์ดกฟผ.เองก็จะต้องมาดูรายชื่อผู้ว่ากฟผ.คนใหม่ที่ได้ผ่านคัดเลือกมาคือ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ โดยเฉพาะประเด็นว่าจะครบวาระ 2 ปีหรือไม่ซึ่งเห็นว่าสามารถยืดหยุ่นได้หากเห็นว่าเหมาะสม ขณะเดียวกันยังคงพูดคุยถึงเงื่อนไขต่าง ๆ รวมถึงการชี้วัด(KPI) โดยเฉพาะว่า การดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่สำคัญคือ การแยกศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า(SO)ออกจากกฟผ.เพื่อให้มาบริหารที่ดึงคนนอกเข้าร่วมเพื่อความเป็นกลาง รวมไปถึงสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (internal PPA) ของกฟผ.ที่ไม่เกี่ยวกับเอกชนที่จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของประสิทธิภาพสูงสุด “นายประเสริฐกล่าว