อินทราโลจิสติกส์ อาวุธลับลดต้นทุนด้านคลังสินค้าและขนส่ง LogiMAT สบโอกาสติดปีกธุรกิจไทย ส่งงาน Intelligent Warehouse 2023 จัดขึ้นระหว่าง 25-27 ต.ค.นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 5-6 หวังช่วยเพิ่มการเติบโตด้านคลังสินค้าให้องค์กรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มั่นใจมีผู้ร่วมงานกว่า 6,000 คน คาดเงินสะพัด 1,000-1,200 ล้านบาท
นายสราวุธ เล้าประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท SSI Shaefer ประเทศไทย จำกัด ในฐานะอุปนายกสมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมระบบอินทราโลจิสติกส์ของไทยมีมูลค่าราวปีละ 6,000 ล้านบาท เดิมปีนี้คาดว่าจะโตได้ถึง 16% แต่ช่วงที่ผ่านมา มีปัจจัยภายนอกและภายในกระทบต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สภาพภูมิศาสตร์ของการผลิตและจัดจำหน่ายที่ต้องปรับตัว ปัญหาด้านซัพพลายเชน และการปรับตัวรับสถานการณ์โลกให้เกิดความยืดหยุ่นโดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบ ส่งผลให้ปีนี้ระบบอินทราโลจิสติกส์น่าจะโตได้สูงสุดไม่เกิน 10% เพราะภาคธุรกิจชะลอแผนการลงทุนด้านอินทราโลจิสติกส์ออกไป จากปกติการลงทุนระบบนี้อยู่ที่ 10-20ล้านบาทแล้วแต่โปรเจกต์ โดยกลุ่มธุรกิจที่ทำให้ระบบอินทราโลจิสติกส์เติบโต ได้แก่ ฟู้ดรีเทล ค้าปลีกค้าส่ง อีคอมเมิร์ซ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มใหม่ที่เข้ามา คือ ภาคการผลิตของ EEC
ทั้งนี้ข้อดีของการลงทุนด้านอินทราโลจิสติกส์จะส่งผลต่อต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้ดีขึ้น จากปัจจุบันต้นทุนการขนส่งของไทยอยู่ที่ 16% หากนำเรื่องอินทราโลจิสติกส์ที่เกี่ยวกับฮาร์แวร์และซอฟท์แวร์และเทคโนโลยีมาช่วยระบบคลังสินค้า จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งเหลือที่ 14% ซึ่งหากมองในระดับโกลบอลแล้ว ระบบอินทราโลจิสติกส์ไทยอยู่ในอันดับ 30-35 ของโลก ขณะที่อันดับ 1 คือ สิงคโปร์ 2.อังกฤษ 3.เยอรมัน 4.อเมริกา และ5.ญี่ปุ่น
ด้านนาย HANS STOTER กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชีย ของ Messe Stuttgart ผู้จัดงาน LogiMAT | Intelligent Warehouse 2023 กล่าว ปีนี้บริษัทจึงพร้อมจัดงานแสดงสินค้าสุดยอดเทคโนโลยีระบบคลังสินค้าอัจฉริยะและระบบจัดการ โดยเป็นความร่วมมือที่แข็งแกร่งของพันธมิตรจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น Euro Expo เจ้าของ LogiMAT Germany, Expolink Global Network, Messe Stuttgart รวมถึงพันธมิตรในประเทศไทยอย่าง สมาคมการระบบคลังสินค้าไทย (TA) โดยภายในงานยังมีภาพรวมการพัฒนาแบบใหม่ กระบวนการแก้ปัญหาใหม่ รวมถึงนวัตกรรมโลจิสติกส์ที่ตอบโจทย์ต่อพื้นที่อาเชียน ซึ่งงานในครั้งต่อๆ ไป LogIMAT ยังเตรียมการเพื่อเพิ่มพื้นที่การจัดงานที่ครอบคลุมครบทั้งตลาดยุโรป จีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างเครือข่ายความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ระหว่างประเทศทั้งหมดนี้อีกด้วย
“การจัดงาน LogiMAT / Intelligent Warehouse 2023 ในครั้งนี้ จะเป็นการรวมตัวกันของบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำจากหลายประเทศ ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้จัดแสดงสินค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ซื้อและผู้เยี่ยมชมงานนี้ ได้รับรู้ถึงวิสัยทัศน์จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง พร้อมโปรแกรมการสาธิตเพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ระหว่างประเทศในอนาคต อาทิ คลังสินค้าเสมือนจริง การสาธิตการทำงานของเทคโนโลยีรถยกระดับโลก รวมถึงกิจกรรมใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเป็นปีแรก อย่างเทคโนโลยี Cold Chain สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ที่มาพร้อมการแสดงสินค้าและการสัมมนา 2 เวทีในงาน คือเวที Orange Forum อัพเดทเทรนด์และเทคโนโลยี โดยวิทยากรจากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานชั้นนำ และเวที Blue Forum อัพเดทโซลูชั่นในธุรกิจ Logistic Supply Chain โดยวิทยากรในแวดวงธุรกิจ สัมมนาและกิจกรรมทั้งหมดในงานจะช่วยให้งาน LogiMAT สามารถผลักดันความแข็งแกร่งของธุรกิจครอบคลุมทั้งด้าน Inter Logistics และ Food Logistics ไปพร้อมๆ กัน”
ด้านนายไกรสร นาคะพงศ์ นายกสมาคมการจัดการระบบคลังสินค้า กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยธุรกิจ SMES หรือกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าขนาดใหญ่ ดังนั้นเพื่อผลักตันให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีการเติบโตขึ้น คลังสินค้าจึงถือเป็นหนึ่งในการพัฒนาที่จำเป็นในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจให้เทียบเท่าระดับสากล โดยงานนี้จะเป็นตัวกลางสำคัญในการเพิ่มพูนความรู้กับยกระดับมาตรฐานธุรกิจให้เทียบเท่าระดับสากลผู้ประกอบการไทย ทั้งด้านการดึงเอา Local System Integrator (L0cal SI) มาใช้เพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ไทย หรือด้านการสร้างเครือข่ายการค้าผ่านการเจรจาธุรกิจภายในงาน รวมถึงช่วยอัปเดตเทรนด์การสต๊อกสินค้าในปัจจุบัน ตั้งแต่กลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่นยานยนต์ ไปจนถึงขนาดกลางและขนาดเล็ก อย่าง ด้านยา เคมี อาหาร และอื่นๆ อย่างครอบคลุม
สำหรับงาน LogiMAT | Intelligent Warehouse 2023 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ถือเป็นแพลตฟอร์มงานด้านคลังสินค้าอัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์จากการเป็นพื้นที่ที่เอื้อมถึงได้จากทั่วทั้งภูมิภาค ที่เชื่อมต่อกับตลาดทั้งในเวียดนาม, มาเลเชีย, กัมพูชา, อินโดนีเซีย และอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่กำลังเติบโตในแง่ของขนาดและการพัฒนาด้านเทคโนโลยีโลจิสติกส์ จากการจัดตั้งของโรงงาน Global Supply Chain ขนาดใหญ่ ทั้งในตัวกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ภาคตะวันออกของไทย จนทำให้เกิดการนำเข้าของเทคโนโลยี Supply Chain ระดับโลกที่ตอบสนองต่อการพัฒนาของอุตสาหกรรมโลจิ สติกส์ในประเทศไทยและพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามการจัดงาน LogiMAT /| Intelligent Warehouse 2023 ยังได้เพิ่มขนาดพื้นที่การจัดงานขึ้นเป็น 2 เท่า คาดการณ์ว่าภายในงานจะมีผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้ามากกว่า 100 รายจากหลากหลายประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป อาทิ German Pavilion, China Pavilion รวมถึงมีผู้เยี่ยมชมงานที่มีศักยภาพเข้าร่วมกว่า 6,000 คน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเจ้าของโรงงาน, ผู้จัดการด้านโลจิสติกส์, ผู้จัดการด้านการซื้อ-ขาย จากบริษัทชั้นนำทั่วโลก ซึ่งสามารถช่วยให้ทั้งผู้จัดแสดงสินค้าและผู้เยี่ยมชมงานได้จับคู่เจรจาธุรกิจ และได้สัมผัสกับระบบ Supply Chain มาตรฐานระดับโลก ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านคลังสินค้าในองค์กรไดัเป็นอย่างดี คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในงานราว 1,000-1,200 ล้านบาท หรือราว 10-20% ของมูลค่ารวมระบบอินทราโลจิสติกส์ไทย.