เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ พร้อมลงศึกป๊อปคอร์นในตลาดรีเทลเต็มกำลัง ด้วยการรีแบรนด์ ”ป๊อปสตาร์“ มาเป็น “ป๊อปคอร์น เมเจอร์” และดั๊มราคาลงมาให้แข่งขันได้ ล่าสุดวางจำหน่ายแล้วใน 7-11 หวังอนาคตจะขึ้นแท่น “ดาวดวงใหม่” สร้างรายได้เทียบเท่าตั๋วหนัง ส่วนปีนี้คาดช่วยดันรายได้กลุ่มป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มโตอีก 20% แตะ 2,400 ล้านบาท
นายวิศรุต พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยอดขายป๊อปคอร์นของเมเจอร์จากหน้าโรงและดิลิเวอรี่รวมกัน เฉลี่ยอยู่ที่ 30 ล้านบาทต่อเดือน ถือเป็นเบอร์ 1 ในช่องทางนี้ แต่ในส่วนของรีเทลก่อนหน้านี้เราได้เข้าไปทดลองตลาดภายใต้แบรนด์ “ป๊อปสตาร์” แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก ทำให้เราได้กลับมาทบทวนและศึกษาวางแผนกันใหม่
ล่าสุดจึงพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของธุรกิจป๊อปคอร์น ในแบรนด์ “POPCORN MAJOR” (ป๊อปคอร์น เมเจอร์) เป็นการรีแบรนด์จาก ป๊อปสตาร์ นับเป็นการใช้ชื่อแบรนด์ที่ถือเป็นจุดแข็งของเมเจอร์อยู่แล้ว เพราะทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี ดังนั้นหลังจากนี้จะไม่มีแบรนด์ป๊อปสตาร์วางจำหน่ายอีกต่อไป อีกทั้งยังตั้งราคาขายที่เหมาะสมกับตลาดรีเทลเพื่อให้แข่งขันกันกลุ่มขนมขบเคี้ยวทั่วไปได้ โดยเริ่มวางจำหน่ายที่วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากถึง 14,000 สาขา เป็นช่องทางแรกก่อน จากนั้นจะวางจำหน่ายที่ช่องทางค้าปลีก และร้านค้าทั่วไป
ทั้งนี้ป๊อปคอร์น เมเจอร์ นับเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากป๊อปคอร์นโรงหนังซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ที่มีเอกลักษณ์ความอร่อยไม่เหมือนใคร นำเสนอในรูปแบบซองสูญญากาศที่เก็บรสชาติความหอม กรอบ อร่อยได้ทุกที่ทุกเวลา มีให้เลือก 3 รสชาติ ได้แก่ รสชีส รสยอดนิยมที่หลายคนติดใจกับผงปรุงรสชีสสูตรพิเศษ, รสคลาสสิค ที่หอมกลิ่นเนยทานแล้วต้องติดใจ และ รสข้าวโพดปิ้ง หอมอร่อยกลิ่นข้าวโพดปิ้งและเนย มาในรูปแบบซองสีสันสดใสขนาด 35 กรัม จำหน่ายราคาซองละ 28 บาท เริ่มวางจำหน่ายใน 7-11 ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ภายใต้แผนการตลาดเบื้องต้น ได้เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์วงป๊อปร็อกรุ่นใหม่ “Three Man Down” เป็นตัวแทนที่จะมาถ่ายทอดความอร่อยโพดๆ ของป๊ปคอร์นเมเจอร์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า Gen Z อายุ 10-25 ปี
นายวิศรุต กล่าวต่อว่า ธุรกิจป๊อปคอร์นทางเมเจอร์วางเป้าหมายให้เป็นธุรกิจหลักเทียบเท่ากับรายได้จากตั๋วหนังในอนาคต ขณะที่ปีก่อนรายได้จากป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และกว่า 80% มาจากป๊อปคอร์น ส่วนปีนี้มองว่าโตอีก 20% หรือแตะ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายจากป๊อปคอร์นนั้นมาจากรีเทล 30%
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดป๊อปคอร์นมีมูลค่าราว 400-500 ล้านบาท หรือไม่ถึง 5% ในตลาดรวมสแน็กที่มีมูลค่าถึง 44,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มมันฝรั่งมีส่วนแย่งสูงสุดที่ 30-40% รองลงมา คือ ขนมขึ้นรูปต่างๆ 30% และกลุ่มถั่วและอื่นๆอีก 10% ขณะที่ตลาดป๊อปคอร์นมีผู้เล่นเพียงรายเดียว ดังนั้นตลาดนี้จึงค่อนข้างนิ่ง การที่ป๊อปคอร์นเมเจอร์เข้ามาในตลาดนี้น่าจะส่งผลในทางที่ดีขึ้น.