ผู้จัดการรายวัน 360 - อิมแพ็ค เมืองทองธานี หนุนจัดอีเวนต์รักษ์โลก เปิดตัว “Green Package” เสริมทัพ ลุยจัดงานยั่งยืนทุกประเภททั้งประชุม สัมมนา งานแสดงสินค้า คอนเสิร์ต พร้อมออกรายงานข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินต์ ตั้งเป้าเปลี่ยนผู้จัดให้หันมาจัดงานเทรนด์ใหม่ หวังลดปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการจัดงานเพิ่มขึ้นเท่าตัว
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า ปัจจุบันยอดจองพื้นที่จัดงานประชุม สัมมนา งานแสดงสินค้า คอนเสิร์ตกลับมาเติบโตขึ้น โดยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-สิงหาคม 2566) มียอดจัดงานในพื้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ไปแล้วกว่า 421 งาน ส่วนช่วง 4 เดือนสุดท้ายปีนี้ (กันยายน-ธันวาคม 2566) มียอดจองพื้นที่รวมทั้งการจัดประชุม งานเลี้ยง งานแสดงสินค้า คอนเสิร์ต เข้ามาแล้วกว่า 200 งาน สำหรับปี 2566 (เม.ย. 2566-มี.ค. 2567) คาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาทใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ในปี 2562 แบ่งเป็นรายได้จากการบริการให้เช่าพื้นที่งานแสดงสินค้า ศูนย์ประชุม การจัดคอนเสิร์ตประมาณ 2,000 ล้านบาท และธุรกิจอาหารเครื่องดื่มประมาณ 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแนวทางของผู้จัดงานประชุม สัมมนา อีเวนต์ทั่วโลกเปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญต่อการจัดงานแบบยั่งยืนเพิ่มขึ้น ซึ่งอิมแพ็ค เมืองทองธานี ถือเป็นศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมรายแรกของประเทศไทยที่วางแนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดงานแบบยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบทางตรงและทางอ้อมที่เกิดจากการจัดงาน พร้อมๆ กับสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจควบคู่กันไป
โดยเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2565 ได้เปิดตัวแพกเกจ “IMPACT Sustainable Meeting” รองรับกลุ่มผู้จัดงานประชุม สัมมนาที่ต้องการจัดงานในรูปแบบยั่งยืน ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมาได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้จัดงาน โดยสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปแล้วกว่า 663.38 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 40 ต้น
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกการจัดอีเวนต์ ทั้งอีเวนต์ส่วนตัว ครอบครัว อีเวนต์องค์กร อีเวนต์การตลาด อย่างงานวันเกิด ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน งานเลี้ยงสังสรรค์ งานเปิดตัวสินค้า ไปจนถึงอีเวนต์ใหญ่ๆ เชิงธุรกิจในอุตสาหกรรมไมซ์ (Meeting, Incentive, Convention, Exhibition) ที่สร้างรายได้อันดับต้นๆ ให้แก่ประเทศ มีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งอิมแพ็ค เมืองทองธานี ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดงานที่สามารถลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้จัดงานหันมาจัดงานแบบยั่งยืนเพิ่มขึ้น” นายพอลล์กล่าว
ขณะเดียวกัน ล่าสุดได้เปิดตัว “Green Package” เพื่อรองรับผู้จัดงานแบบยั่งยืนที่กว้างขึ้นในทุกประเภท ทั้งการจัดประชุม สัมมนา งานแสดงสินค้า นิทรรศการ คอนเสิร์ต โดยการจัดงานของ “Green Package” แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. การให้บริการสถานที่ อุปกรณ์สำหรับการจัดงานอย่างยั่งยืน ลดการใช้อุปกรณ์ไม่จำเป็น เช่น งดใช้ผ้าคลุมโต๊ะ เก้าอี้ในการจัดประชุม งดใช้หลอดพลาสติก ไม่ใช้ขวดน้ำพลาสติก ควบคุมเครื่องปรับอากาศให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ส่วนที่ 2 อาหารและเครื่องดื่ม โดยจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มในปริมาณที่เหมาะสมกับจำนวนผู้เข้าร่วมงาน เลือกรับประทานเมนูมังสวิรัติหรือโปรตีนจากพืช กรณีที่จำนวนอาหารเหลือจากการจัดงานมีบริการจัดสรรแบ่งปันอาหารบริจาคให้แก่มูลนิธิต่างๆ
ส่วนที่ 3 รายงานข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) โดยจะมีการเก็บและติดตามผลตลอดการจัดงาน ตั้งแต่วันเตรียมพื้นที่ก่อนงานเริ่ม ระหว่างการจัดงานจนถึงการรื้อถอน เช่น ข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้า น้ำประปา ปริมาณของเสีย ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้ม (LPG) เป็นต้น เพื่อจัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพรินต์ ซึ่งหลักเกณฑ์การคำนวณและรูปแบบรายงานนี้อ้างอิงจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและกำกับดูแลทั้งจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (มหาชน) (อบก.) ทั้งนี้ ผู้จัดงานสามารถนำรายงานดังกล่าวยื่นขอรับรองกิจกรรมชดเชยคาร์บอนต่อองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (มหาชน) (อบก.) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดก๊าซเรือนกระจก และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร
นายพอลล์กล่าวว่า ผลจากการเปิดตัว “Green Package” จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจัดงานอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนลูกค้าที่หันมาจัดงานแบบยั่งยืนเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา และจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน อิมแพ็ค เมืองทองธานี ก็พยายามลดผลกระทบทางอ้อมจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเดินทาง ด้วยการลงทุนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้าสู่เมืองทองธานีจำนวน 2 สถานี รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กิโลเมตร คือ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (บริเวณอาคารอิมแพ็ค ชาลเลนเจอร์ 1) และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการปี 2568 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ส่วนต่อขยายยังไม่แล้วเสร็จ จะมีบริการรถรับ-ส่งจากสถานีศรีรัชเข้ามายังอิมแพ็ค เมืองทองธานีให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้ามาใช้บริการ