ทอท.เด้งรับนโยบาย "เศรษฐา" เตรียมชงขอรับโอนสนามบิน ทย.เพิ่มอีก 6 แห่งเป็นเฟสต่อไป พร้อมเร่งรับ "อุดรธานี, บุรีรัมย์, กระบี่" ในปลายปีนี้ เผย SAT-1 เปิด 28 ก.ย.นี้ 3 แอร์ไลน์ นำร่องใช้บริการ แผน ต.ค.นี้เปิดประมูล เอกชนรายที่ 3 ให้บริการภาคพื้นฯ
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) เปิดเผยว่า จากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเร่งรัดการเข้าบริหารท่าอากาศยานภูมิภาค 3 แห่งของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเห็นว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการยกระดับสนามบินภูมิภาค พร้อมกันนี้ ได้แนะนำว่า ทอท.รับสนามบินอื่นๆ ที่อาจจะไม่ทำกำไรไปดูแลด้วย ไม่ใช่รับแต่สนามบินที่กำไร เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ ทอท.มีแนวคิดเบื้องต้นว่า จะเสนอขอบริหารสนามบินของ ทย.เพิ่มเติมอีก 6 แห่ง ภาคเหนือคือ พิษณุโลก, แม่สอด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ อุบลราชธานี, ขอนแก่น ภาคใต้ คือ ตรังและระนอง
เนื่องจากการประเมินเบื้องต้นพบว่าเป็นสนามบินที่มีศักยภาพในการนำมาพัฒนา โดย ทอท.จะนำเสนอแผนงานเพื่อรับนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลก่อน ว่ามี แผนเข้าบริหารจัดการสนามบินของ ทย. รวมเป็น 9 แห่ง มี 3 แห่งเดิมคือ อุดรธานี, บุรีรัมย์, กระบี่ และอีก 6 แห่งที่เพิ่มเติม โดยการเข้าบริหารสนามบิน 6 แห่งนั้นหาก นโยบายเห็นชอบจะดำเนินการศึกษารายละเอียด และจะดำเนินการเป็นระยะที่ 2 ต่อไป
ส่วนระยะแรก จะเร่งดำเนินการเข้าไปบริหารจัดการสนามบินอุดรธานี, บุรีรัมย์และกระบี่ก่อน
ขณะนี้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ยังอยู่ในขั้นตอนขอใบรับรองสนามบินสาธารณะ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาออกใบอนุญาตจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) คาดว่าจะเรียบร้อยภายในเดือน ต.ค. 2566 ซึ่งคาดว่าหากไม่มีข้อติดขัดจะเริ่มดำเนินการโอนสิทธิ์บริหารสนามบินทั้ง 3 แห่งได้เรียบร้อย ภายในสิ้นปีนี้ โดย ทอท.ได้เตรียมพร้อม เรื่องงบประมาณในการลงทุนเพื่อยกระดับการให้บริการไว้แล้ว
@ เปิด SAT-1 28 ก.ย.นี้ 3 แอร์ไลน์ นำร่องใช้บริการ
นายกีรติกล่าวว่า ในวันที่ 28 ก.ย. 2566 ทอท.กำหนดเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) สนามบินสุวรรณภูมิอย่างไม่เป็นทางการ เบื้องต้นจะมีสายการบินให้บริการ 3 สายการบิน ได้แก่ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์, สายการบินเวียตเจ็ท และสายการบินเอมิเรตส์ โดยจะให้บริการรวมประมาณวันละ 12 เที่ยวบิน ซึ่งถือเป็นช่วงทดลองการให้บริการและทดสอบอุปกรณ์ไปด้วยเพื่อความมั่นใจ จากนั้นจะประเมินผล โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบประมาณเดือน ธ.ค. 2566 ซึ่งจะย้ายผู้โดยสารส่วนใหญ่มาใช้บริการที่อาคาร SAT-1 เพิ่ม และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่จะช่วยลดความแออัดของอาคารผู้โดยสารหลัก และเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ที่สำคัญ เมื่อเปิดอาคาร SAT-1 จะไม่มีการใช้ Bus Gate อีกต่อไป สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งการใช้ Bus Gate ถือเป็นระดับบริการที่ไม่ดีนัก เนื่องจากผู้โดยสารจะไม่ได้รับความสะดวก
@ ต.ค.นี้เปิดประมูลเอกชนรายที่ 3 ให้บริการภาคพื้นฯ "สุวรรรณภูมิ"
ส่วนปัญหารับกระเป๋าสัมภาระล่าช้านั้น นายกีรติกล่าวว่า ปัจจุบันแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จากที่เคยมีปัญหาการลำเลียงสัมภาระใบแรก (First Bag) ล่าช้าเกินกว่า 30 นาที และใบสุดท้าย (Last Bag) เกิน 60 นาที ปัจจุบัน First Bag ไม่เกิน 20 นาที ส่วน Last Bag ไม่เกิน 45 นาที และมีที่เกินมาตรฐานในสัดส่วนประมาณ 1.8% เท่านั้น ถือว่าอยู่ในมาตรฐาน
สำหรับการประมูลเพื่อคัดเลือกผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รายที่ 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการนั้น ขณะนี้ TOR จัดทำเสร็จแล้ว คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในเดือน ต.ค. 2566 ได้ผู้ชนะประมาณเดือน พ.ย. 2566 และเริ่มให้บริการในปี 2567 จะเพิ่มศักยภาพในการให้บริการภาคพื้น และการให้บริการผู้โดยสารที่สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน สนามบินสุวรรณภูมิ มีผู้ให้บริการภาคพื้น (Ground Handling) จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด (BFS)