“บางคนอาจรู้สึกว่าเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว หากมองในระยะยาว เรื่องนี้จะกลายเป็นตัวช่วยที่สามารถช่วยลดต้นทุนได้ในอนาคต และที่สำคัญทุกวันนี้ธุรกิจมีความเกี่ยวข้องกับคน ถ้าเราทำเรื่องความยั่งยืน เราจะเข้าใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย มองเห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่มและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ธุรกิจก็จะเติบโตได้อย่างแน่นอน” คุณวิจิตรา สุภาคง รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เผยถึงแนวความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยังทำให้คู่ค้า ลูกค้า นักลงทุน มีความมั่นใจต่อบริษัท และยังทำให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนไม่ว่าจะเป็นการลดพลังงาน ใช้พลังงานหมุนเวียน เพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบธุรกิจ
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจค้าปลีก 2.บรรจุภัณฑ์ 3.สินค้าอุปโภคบริโภค 4.health care และ 5.ธุรกิจอื่นๆ โดยได้วางกลยุทธ์ของแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการบริหารธุรกิจ ภายใต้แนวทาง BJC ประกอบด้วย Better Living, Joint Success, Caring for Community
คุณวิจิตรา สุภาคง เผยต่อเรื่องความยั่งยืนว่า “อาจจะดูเหมือน BJC เพิ่งทำมาประมาณ 3 - 4 ปี แต่จริงๆ บริษัทได้ทำเรื่องความยั่งยืนมานานมาก จะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์สำคัญของกลุ่มบริษัทฯ คือบรรจุภัณฑ์แก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม ที่เป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงในธุรกิจอื่นๆ ที่มีกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นความสำคัญที่ครอบคลุม ด้านเศรษฐกิจ เน้นการพัฒนาคู่ค้าให้เติบโตไปด้วยกัน ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ และกลุ่มธุรกิจ SMEs รวมถึงพัฒนากลุ่มเกษตรกรให้มีความรู้ความเข้าใจถึงการกระบวนการที่จะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า ด้านสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการพลังงานและจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น การขยายพื้นที่โครงการติดตั้งโซล่าลูฟเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด การใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า ส่งเสริมการแยกขยะและนำขยะกลับไปรีไซเคิลสร้างประโยชน์ให้ชุมชน และการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และด้านสังคม ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับชุมชน เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจจะเติบโตได้ ถ้าสังคมดี เพราะลูกค้าของเราคือคนในชุมชน จึงมีการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เช่น บิ๊กซี “ข้าวถุงร่วมใจ ประหยัดทั่วไทย” ซึ่งจัดต่อเนื่องมา 15 ปี เพื่อช่วยเหลือชาวนาในการสนับสนุนการจำหน่ายข้าว และช่วยเหลือผู้บริโภคในการลดค่าครองชีพในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา โครงการ Big Hero (บริจาคโลหิต) การช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และการช่วยพัฒนาศักยภาพของครู และการซ่อม สร้างโรงเรียนซึ่งเป็นแหล่งให้ความรู้สำหรับเด็กๆในชุมชน โครงการแยก แลก ทิชชู ของเซลล็อก เพื่อลดขยะชุมชน และลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือน สร้างจิตสำนึกการแยกขยะให้กับผู้บริโภค”
นอกจากนี้ BJC ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Thailand Supply Chain Network (TSCN) เครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันขององค์กรเอกชน ทำให้ได้มีโอกาสเรียนรู้จากผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรมทั้งในด้านการบริหารธุรกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถนำมาปรับประยุกต์ใช้ได้ในองค์กร และที่สำคัญคือเกิดพลังความร่วมมือกัน เปลี่ยนจากคู่แข่งในอุตสาหกรรม มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ช่วยเสริมให้ธุรกิจและเศรษฐกิจเติบโตยิ่งขึ้น
#TSCN #ThailandSupplyChainNetwork #sustainability