xs
xsm
sm
md
lg

AAV เผยรายได้ครึ่งปี 66 รวม 1.9 หมื่นล้านบาท ขาดทุนลดลง ตลาดในประเทศขาขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



AAV ฟื้นตัวต่อเนื่อง ไตรมาส 2/2566 กำไร EBITDA อยู่ที่ 1,817.2 ล้านบาท ขนส่งผู้โดยสารรวม 4.64 ล้านคน ตลาดในประเทศคึกคัก อัตราขนส่งเฉลี่ยสูงถึง 94% ภาพรวมครึ่งเเรกปี 66 มีรายได้รวม 19,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 324%

บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นของ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2566 รายได้รวมอยู่ที่ 10,398.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 275 %จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 6 %เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทำให้กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 998.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น% 143 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยังคงแข็งแกร่งหลังจีนเริ่มเปิดประเทศในไตรมาสก่อนและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดย EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1,817.2 ล้านบาท อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ณ สิ้นไตรมาส ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ทำให้บริษัทรายงานขาดทุนสุทธิในไตรมาสนี้ที่ 1,012.5 ล้านบาท

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ไตรมาสนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดภายในประเทศที่มีอัตราขนส่งผู้โดยสารสูงถึง 94 %ในขณะที่ต่างประเทศ จีนถือเป็นตลาดกลยุทธ์หลักของภูมิภาค แม้ในระหว่างไตรมาส เศรษฐกิจโดยรวมมีการฟื้นตัวต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ส่วนกระบวนการอนุมัติวีซ่าและพาสปอร์ตทยอยปรับตัวดีขึ้น

โดยไตรมาสที่ 2 ไทยแอร์เอเชียเพิ่มเที่ยวบินไปยังจีนมากขึ้นและให้บริการเเล้ว 108 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นจาก 67 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในไตรมาสที่ 1 ในขณะที่ตลาดอาเซียนเเละอินเดีย ยังได้รับการตอบรับที่ดี โดยบริษัทได้ทำงานใกล้ชิดร่วมกับการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทยในการวางกลยุทธ์พร้อมเเผนและแคมเปญการตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย เชื่อมต่อเส้นทางภายในประเทศที่มีความถี่เเละเครือข่ายการบินครอบคลุมมากที่สุด

สำหรับครึ่งปีเเรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 19,641.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 324 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สัดส่วนรายได้บริการเสริมอยู่ที่ร้อยละ 19 ของรายได้จากการขายและบริการ ทั้งนี้ ยังคงรายงานขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 653.1 ล้านบาท จากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่ฟื้นขึ้นชัดเจนจากขาดทุน 7,278.5 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณที่นั่งที่ทำการบิน (Seat Capacity) กลับมาอยู่ที่ 77 % ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาด และขนส่งผู้โดยสารไปแล้ว 9.22 ล้านคน พร้อมคงเป้าหมาย 20 ล้านคนในปีนี้  

“บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง สามารถทำ EBITDA เป็นบวกได้ 3 ไตรมาสติดกัน สุขภาพของกระเเสเงินสดเเละสภาพคล่องแข็งแรงขึ้นอย่างเด่นชัด รวมทั้งพยายามบริหารจัดการต้นทุนให้กลับไปเทียบเท่ากับก่อนช่วงโควิด-19 ทำให้ครึ่งปีหลังเป็นช่วงโอกาสสำคัญของบริษัทในการพลิกฟื้นกลับมาสร้างกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเป็นปีเเรกหลังเกิดโรคระบาด ซึ่งเราเตรียมเเผนการตลาดที่หลากหลาย พร้อมเพิ่มเครือข่ายการบินในตลาดต่างประเทศ พร้อมเร่งนำเครื่องบินกลับมาปฏิบัติการบินให้เร็วที่สุดจากฝูงบินที่มีอยู่เเล้ว 54 ลำ ในปัจจุบัน” นายสันติสุขกล่าว

สำหรับครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทตั้งเป้าในการเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปยังตลาดจีนให้ใกล้เคียงกับที่เคยทำได้ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ที่ 138 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมทั้งเพิ่มเส้นทางบินใหม่ อาทิ สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล อัห์มเดบาด ประเทศอินเดีย โดยเชื่อว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวจะยังคงคึกคักไปถึงสิ้นปี เพื่อบรรลุเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่ ททท. ตั้งไว้ที่ 25-30 ล้านคน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวมให้ฟื้นตัวต่อเนื่องด้วย โดยบริษัทยังคงทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนต่อเนื่อง ในการผลักดันเชิงนโยบายต่างๆ อาทิ นโยบายการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยาน ซึ่งระหว่างนี้ถูกกำหนดให้กลับไปเป็นอัตราเดิมจนกว่าจะมีการพิจารณาโดยคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมทั้งเป้าหมายระยะยาวของอุตสาหกรรม อาทิ การใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น