xs
xsm
sm
md
lg

“ไมเนอร์ฯ” ร่วมทุน “ป๊อปมาร์ท” ลุยตลาดอาร์ตทอยคัลเจอร์ในไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” จับมือ “ป๊อปมาร์ท” ยกระดับอาร์ตทอยคัลเจอร์ในประเทศไทย จัดตั้งบริษัทร่วมทุนผลักดันสนับสนุน อาร์ตทอยคัลเจอร์ในไทย เล็งเปิดร้านค้าปลีกและป็อปอัพ 20 จุด และเวนดิ้งแมชชีนอีก 50 จุด


บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านโรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ POP MART ผู้นำด้านป็อปคัลเจอร์และความบันเทิงชั้นนำจากประเทศจีน ได้ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาอาร์ตทอยคัลเจอร์ในประเทศไทย

การร่วมทุนครั้งนี้เกิดขึ้นโดยแผนกธุรกิจค้าปลีกของ Minor International หรือที่รู้จักในนาม Minor Lifestyle และ POP MART ถือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้นำอุตสาหกรรมทั้ง 2 ฝ่าย การร่วมมือกันนี้จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่มีร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดอาร์ตทอยในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการขยายความร่วมมืออันไร้รอยต่อในระดับโลกต่อไป ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญในการค้าปลีก และการตลาดที่กว้างขวางของ Minor International ใน 63 ประเทศและลิขสิทธิ์ใน IP (intellectual property) ที่มีชื่อเสียงของ POP MART


"ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษที่โดนใจลูกค้าและส่งผลกระทบเชิงบวกให้กับทุกๆ ฝ่ายที่มีส่วนในความสำเร็จของเรา การร่วมทุนกับ POP MART นี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการขยายพอร์ตโฟลิโอ แบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและความชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง" นายไมคา ตามไท (Micah Tamthai) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ กล่าว

รากฐานที่แข็งแกร่งของ Minor International ในตลาดค้าปลีกไทยเกิดจากจุดแข็งที่หลากหลาย ตั้งแต่เครือข่ายร้านค้าแฟชั่น และไลฟ์สไตล์กว่า 250 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ไปจนถึงศักยภาพด้านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ คลังสินค้า และการดำเนินงาน จุดแข็งเหล่านี้เติมเต็มกับความเชี่ยวชาญของ POP MARTสร้างให้เกิดความน่าตื่นเต้นและโอกาสสำหรับศิลปินชาวไทย ขณะเดียวกันเพื่อตอกย้ำจุดยืนอันแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทในการขับเคลื่อนและสรรค์สร้างแบรนด์ร่วมกัน พร้อมทั้งส่งเสริมแผนพัฒนาทางการตลาดให้ดำเนินต่อไปอย่างประสบความสำเร็จ

ประเทศไทยซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีตลาดผู้บริโภคที่เติบโตและสดใส และยังคงเผชิญกับการเติบโตของกลุ่มประชากรชนชั้นกลางที่ร่ำรวย ขนาดตลาดอุตสาหกรรมของเล่นและเกมของประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับที่แปดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แซงหน้าขนาดตลาดของฮ่องกง และสิงคโปร์ นอกจากนี้ ด้วยตัวเลขจีดีพีซึ่งเป็นตัวบ่งชี้หลักที่สูงกว่า "10,000 เหรียญสหรัฐต่อหัว" ความต้องการของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปตามอารมณ์ และวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลง สร้างให้เกิดช่วงเวลาของโอกาสสำหรับการขยายตลาดอาร์ตทอย


กำลังโหลดความคิดเห็น