ผู้จัดการรายวัน 360 – ทีจีอี โชว์ ผลงานเปิดท็อปกอล์ฟเป็นไปตามคาดการณ์ รับลูกค้าแล้วกว่า 1 แสนราย ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะเป็น 3.5 แสนราย และปีหน้าเพิ่มเป็น 5 แสนราย เร่่งขยายลูกค้าองค์กร เผยตลาดเริ่มเข้าใจแล้วว่าท็อปกอล์ฟคืออะไร พร้อมไลเซนส์ผุดสาขาที่2ในเซาท์อีสตเอเซียที่อินโดนีเซีย
นายทิม โบดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ กอล์ฟ เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด หรือทีจีอี ผู้บริหารจัดการศูนย์รวมกีฬาและความบันเทิงท็อปกอล์ฟ ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว และเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท ทีจี เอสอีเอ ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของท็อปกอล์ฟในช่วงที่ผ่านมา นับว่าประสบความสำเร็จเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยมีลูกค้ามาใช้บริการแล้วประมาณ 100.000 ราย โดยเป็นผู้ที่เล่นกอล์ฟจริงหรือนักกอล์ฟประมาณ 90% ส่วนอีก 10% เป็นบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เล่นกอล์ฟ โดยใช้เวลาในท็อปกอล์ฟเฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อลูกค้า
ส่วนช่วงครึ่งปีหลังนี้วางเป้าหมายที่จะมีผู้เข้ามาใช้บริการอีก 250,000 คน รวมทั้งปีนี้จะมีประมาณ 350,000 ราย โดยสัดส่วนจะเปลี่ยนมาเป็น ผู้เล่นกอล์ฟจริงประมาณ 70% อีก 30% จะเป็นบุคคลทั่วไปที่เดิมไม่ได้เล่นกอล์ฟ โดยตั้งเป้ามีการตีลูกกอล์ฟรวมมากกว่า 6 ้ ล้านลูก และปีหน้าตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีประมาณ 500,000คนและไทยจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ท็อปกอล์ฟทั่วโลกที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2568 จะมีการตีลูกกอล์ฟรวมมากกว่า 50,000 ล้านลูก
นอกจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นบุคคลแล้ว ยังทำตลาดในกลุ่มที่เป็นองค์กรอีกด้วย หรือ บีทูบี (B2B) มีสัดส่วนขณะนี้ประมาณ 30% แล้วจากยอดทั้งหมด โดยที่ผ่านมาลูกค้าองค์กรหรือบีทูบีนี้มีแทบจะทุกกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย โดย 4 อันดับแรกที่ใช้บริการมากที่สุด คือ คือ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มฟาร์มาซูติคอล กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มสถาบันการศึกษา เช่น มีกลุ่มฟาร์มาซูติคอล มาใช้บริการรวม 4 วันรวมมากกว่า 5,000 คน โดยมีแพ็คเกจการจัดงานเริ่มต้นที่ 990 บาทต่อผู้เข้าร่วม
“กิจกรรมองค์กร นับเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยดึงดูดผู้เล่นใหม่ ๆ ซึ่ง ท็อปกอล์ฟ ถือเป็นสถานที่ครบวงจรสำหรับกิจกรรม Team Building การประชุม งานเปิดตัวสินค้า และงานเลี้ยงประจำปี ด้วยฮิตติ้งเบย์ถึง 102 เบย์ ที่สามารถรองรับผู้เล่นได้ถึง 6 คนต่อเบย์ บาร์และร้านอาหารรวม 5 ร้าน รวมถึง Topgolf Academy ห้องประชุมอเนกประสงค์ และสนามมินิกอล์ฟ 18 หลุมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ โดยสามารถจัดงานได้ทั้ง B2B และ B2C เหมาะกับผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 12 คน ไปจนถึง 1,200 คน ซึ่งสามารถเลือกจัดงานได้ที่ร้านอาหารและบาร์ หรือจะเลือกจัดงานในห้องประชุม รวมไปถึงทีมงานของท็อปกอล์ฟที่พร้อมให้บริการช่วยจัดการออแกไนซ์งาน พิธีกร โค้ช และสร้างความสนุกสนานแบบครบวงจร ทำให้ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ กลายเป็นพื้นที่จัดงานยอดนิยมแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดาย” นายทิม กล่าว
“ในช่วงแรกที่เปิดบริการ ลูกค้าคนทั่วไปอาจจะยังไม่เข้าใจว่าท็อปกอล์ฟคืออะไร นึกว่าเป็นสนามกอล์ฟสำหรับผู้ํที่เป็นนักกอลฟ์เล่นกอล์ฟเท่านั้น แต่จริงๆแล้วเราคือ สถานบันเทิงเอนเตอร์เทนเมนต์ด้านกอล์ฟมากกว่า คนที่ไม่ใช่นักกอล์ฟตีกอล์ฟไม่เป็นก็เข้ามาใช้บริการมาเล่นได้ แต่ตอนหลังเริ่มดีขึ้น ด้วยเป้าหมายในการดึงดูดให้คนหันมาเล่นกอล์ฟแนวใหม่กันมากขึ้น ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ เข้ามาทำให้กอล์ฟกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยเกมที่มีความสนุก ทุกคนเล่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านกอล์ฟ” นายทิม กล่าว
ในปีแรก ลูกค้า 2 ใน 3 ของท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ มาจากกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้เล่นกอล์ฟ และเกือบครึ่งหนึ่งเป็นลูกค้าผู้หญิง ซึ่งรูปแบบของเกมของท็อปกอลฟ์นั้น ได้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้เล่นใหม่ ๆ โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่มาใช้บริการ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้นั้น มีอายุระหว่าง 20-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เล่นที่อายุยังน้อย ชี้ให้เห็นถึงโอกาสเติบโตที่ยั่งยืนของ ท็อปกอล์ฟ และกีฬากอล์ฟในประเทศไทย
ส่วนการคิดค่าบริการนั้น ก็มีหลากหลายแล้วแต่การบริการ เช่น 1 เบย์ ราคา 550 บาท รวม 6 คน หรือ บริการศุกร์กับเสาร์ช่วงเวลา 17.00 – 22.00 น. ราคา 990 บาท เป็นต้น
นายทิม กล่าวว่า ในไทยยังมีโอกาสที่จะเปิดท็อปกอล์ฟสาขาที่2ได้แน่นอน แต่ยังไม่สามารถกล่าวอะไรได้มากในขณะนี้ ซึ่งไทยเป็นสาขาแรกของบริษัทที่เราลงทุนเปิดบริการจากการที่เราได้รับสิทธิ์ในการเปิดในตลาดเซาท์อีสต์เอเซียจากบริษัทแม่ของท็อปกอล์ฟ ซึ่งสาขาที่2เตรียมเปิดที่จาการ์ตา อินโดนีเซีย ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง และตั้งเป้าที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 นอกจากนี้ ท็อปกอล์ฟยังมองหาโอกาสในการขยายโครงการในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อีกด้วย
