“สนพ.” อยู่ระหว่างการทบทวนโครงสร้างราคาน้ำมันซึ่งรวมถึงค่าการตลาดใหม่เพื่อรองรับการบังใช้มาตรฐานยูโร 5 ที่จะมีผล 1 ม.ค. 67 รับต้นทุนต่างๆสูงขึ้นย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย รวมถึงโครงสร้างราคา LPG เพื่อให้สะท้อนต้นทุนและการเปิดเสรีที่ชัดเจนขึ้น คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ จะอยู่ระหว่าง 81-87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในครึ่งปีหลังโดยขยับเล็กน้อย
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สนพ.อยู่ระหว่างการศึกษาทบทวนโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับน้ำมันที่มีคุณภาพตามมาตรฐานยูโร 5 ที่จะให้ทันกับการบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2567 ซึ่งทำให้ต้องกลับมาพิจารณาค่าการตลาดที่เหมาะสมประกอบใหม่ด้วยเนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนของผู้ค้าน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นทั้งค่าไฟ ค่าจ้าง ฯลฯ โดยสนพ.จะพิจารณาเกณฑ์ใหม่ที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งผู้ใช้น้ำมันและผู้ค้า เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและเศรฐกิจไทย และภาครัฐสามารถกำกับดูแลระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ เมื่อต่อไปน้ำมันเป็นยูโร 5 ก็ต้องมาดูค่าการตลาดที่เหมาะสมด้วยเพราะต้นทุนต่างๆ ของผู้ค้าเขาสูงขึ้นและการศึกษาค่าการตลาดที่เราใช้ก็ดำเนินมา 2-3 ปีแล้วโดยปัจจุบันค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งเบนซินและดีเซลอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตรส่วนเกณฑ์ใหม่ที่จะออกมาจะสูงขึ้นหรือไม่อย่างไรยังตอบไม่ได้แต่ภาพรวมเราจะให้กระทบน้อยสุดเพราะยังต้องคำนึงถึงน้ำมันพื้นฐานว่าน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพจะเป็นอย่างไรซึ่งจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแลระดับไหน โดยเรากำลังทบทวนเพื่อเสนอรัฐบาลใหม่เพื่อให้ทันใช้ 1 ม.ค.67”นายวัฒนพงษ์กล่าว
นอกจากนี้สนพ.ยังได้รับมอบหมายให้ทบทวนโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG)ใหม่ โดยอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงานกกพ.)และบมจ.ปตท.ในการทบทวนเรื่องต้นทุน การผลิตทั้งหมดเพราะโครงสร้างเดิมได้ใช้มาระยะเวลานานแล้ว โดยมุ่งเน้นให้สะท้อนต้นทุนจริงและวางระบบให้สอดรับกับการเปิดเสรีในการที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนโดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2567
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. 64 – มิ.ย. 66) พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ อยู่ในระดับ 77.45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ในระดับ 93.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับ 94.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลคาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ จะอยู่ระหว่าง 81-87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซิน จะอยู่ระหว่าง 96-105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซล จะอยู่ระหว่าง 91-98 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
“กรณีที่มีข่าวว่ากระทรวงการคลังจะไม่ต่อมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตรที่จะสิ้นสุด 20 ก.ค.นี้นั้นทางกระทรวงได้มอบหมายให้สำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.)ทำ Scenario การใช้กลไกกองทุนฯดูแลในแต่ละสถานการณ์ราคาไว้รองรับแล้ว ส่วนกรณีภาษีฯน้ำมันเครื่องบินนั้นเป็นอำนาจของกระทรวงการคลังโดยตรงคงต้องสอบถามที่คลัง”นายวัฒนพงษ์กล่าว
สำหรับสถานการณ์พลังงานในช่วง 4 เดือนของปี 2566 พบว่าการใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3.8% จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่การใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 0.4 % มีการใช้รวมทั้งสิ้น 64,285 กิกะวัตต์ชั่วโมง โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ และอื่นๆ สอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยว ในขณะที่ภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมใช้ไฟฟ้าลดลง ปัจจัยจากการผลิตเพื่อการส่งออกลดลง ขณะที่ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดของระบบ 3 การไฟฟ้าของปี 2566 (ในรอบ 4 เดือนแรกของปี 2566) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 เวลา 14:28 น. อยู่ที่ระดับ 33,623 เมกะวัตต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในระบบ 3 การไฟฟ้าของปีก่อน
