กรมราง เร่ง”บีทีเอส”แก้ปัญหาคลื่นอาณัติสัญญาณขัดข้อง ทำผู้โดยสารติดอยู่ในขบวนรถนาน ชี้เปลี่ยนถ่าย/อพยพผู้โดยสาร ต้องเร็วกว่านี้ เผยเยียวยาผู้โดยสาร คืนเงินเต็มจำนวน กรณีรถขัดข้องเกิน 30 นาที
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถไฟฟ้าบีทีเอส เกิดเหตุขัดข้องเมื่อเวลา 07.57 น.วันที่ 19 พ.ค. 2566 ซึ่งสาเหตุเกิดจากการรับส่งคลื่นของอาณัติสัญญาณขัดข้องชั่วขณะ ทำให้ขบวนรถไฟฟ้าหมายเลข 30 (รถไฟฟ้ารุ่นแรกที่นำมาให้บริการ) ที่เคลื่อนจากสถานีห้าแยกลาดพร้าวมุ่งหน้าสถานีหมอชิต ต้องเบรกอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย แต่ขบวนรถได้หยุดในบริเวณที่ไม่มีรางจ่ายไฟ ส่งผลให้รถไฟฟ้าไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้ จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารตกค้างในขบวนรถ นั้น เหตุการณ์ดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย
โดยปกติเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่รถไฟฟ้าไม่สามารถรับกระแสไฟฟ้าจากภายนอกได้ ระบบรถฟ้าจะยังมีไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้ระบบระบายอากาศ เป็นพัดลมระบายอากาศทำงานอยู่ภายในขบวนรถ ในช่วง 30 นาทีแรก หลังจากนั้นระบบรถจะตัดระบบระบายอากาศ เพื่อประหยัดพลังงานไว้ใช้กับระบบที่สำคัญ เช่น ระบบประกาศเพื่อประชาสัมพันธ์ (PA) และระบบสื่อสาร ซึ่งภายหลังจากระบบระบายอากาศถูกตัด พนักงานควบคุมรถไฟฟ้าได้ประกาศให้ผู้โดยสารภายในขบวนรถที่ขัดข้องเปิดหน้าต่างฉุกเฉิน เพื่อระบายอากาศ
ทั้งนี้ กรมราง ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้เน้นย้ำผู้ประกอบการขนส่งทางรายปฏิบัติตามข้อเสนอแนะจากการประชุมคณะกรรมการกำกับและบริหารจัดการระบบขนส่งทางรางครั้งที่ 3/2565 ที่ประชุมได้มีมติให้ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าทุกเส้นทางดำเนินการเพื่อป้องกันหรือลดโอกาสการเกิดเหตุขัดข้องในระบบรถไฟฟ้า เพื่อผู้ให้บริการนำไปใช้ประกอบการดำเนินการป้องกันและรับมือเมื่อเกิดเหตุขัดข้อง ดังนี้
1. ด้านรถขนส่งทางรางดำเนินการตรวจสอบสภาพขบวนรถตามรายการตรวจสภาพ (Checklist) ทุกวัน อาทิเช่น การดำเนินการตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่สำรอง หรือแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในขบวนรถสำรองให้มีความพร้อมใช้งานสูงสุด รวมถึงการบำรุงรักษาชิ้นส่วน/อุปกรณ์ขบวนรถตามรอบระยะเวลา (Preventive Maintenance) โดยซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ขัดข้องหรือถึงรอบระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยนแบบยกชุดเป็นสำคัญ เพื่อให้มีขบวนรถที่พร้อมให้บริการหรือขบวนรถสำรองในระบบในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด รวมทั้งจัดทำแผนการจัดเตรียมชิ้นส่วนอะไหล่ (Spare Part) ให้สอดคล้องตามรอบระยะเวลาการบำรุงรักษา และรองรับกรณีเหตุขัดข้องจากชิ้นส่วน/อุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยนแบบยกชุดเป็นสำคัญ ตลอดจนจัดให้มีการบริการตู้โดยสารสำรองเพื่อหมุนเวียนตู้โดยสารที่ใช้วิ่งบริการในเวลาเร่งด่วน โดยยังคงจัดเตรียมขบวนรถสำรอง สำหรับวิ่งให้บริการทดแทนในกรณีเกิดเหตุขัดข้องได้อย่างทันท่วงที
2. ด้านการประชาสัมพันธ์ มีการจัดทำแผนและซักซ้อมการประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ผู้โดยสารทราบถึงสถานการณ์กรณีเกิดเหตุขัดข้องต่าง ๆ อย่างทันท่วงทีและครบถ้วน อาทิ ขบวนรถเกิดเหตุขัดข้องและมีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการชั่วคราว ขั้นตอนการดำเนินการ ระยะเวลาดำเนินการ และแนวทางปฏิบัติของผู้โดยสารเป็นระยะ
3. ด้านการประสานความร่วมมือ กับผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่น ๆ เพื่อเตรียมแผนการรองรับการเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารกรณีเกิดเหตุขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อการเดินรถอย่างมากหรือใช้ระยะเวลาแก้ไขนาน ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้โดยสารมีทางเลือกในการตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางได้อย่างสะดวกและทันท่วงที
4. ด้านการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ มีการจัดอบรมพัฒนาทักษะทีมบุคลากรช่างเทคนิคอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการซักซ้อมเหตุขัดข้องจากโครงสร้างและอุปกรณ์ในเขตราง (Railway Structure) ในกรณีต่าง ๆ แบบเสมือนจริง เพื่อลดระยะเวลาดำเนินการแก้ไขและทำให้ขบวนรถสามารถวิ่งให้บริการตามตารางเดินรถปกติได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งซักซ้อมแผนเผชิญเหตุจากเหตุขัดข้องที่มีสาเหตุจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์หรือควบคุมได้ อาทิ เหตุระบบอาณัติสัญญาณ (Signaling System) ขัดข้อง
@เยียวยาผู้โดยสาร คืนเงินเต็มจำนวน กรณีรถขัดข้องเกิน 30 นาที
สำหรับมาตรการเยียวยาผู้โดยสารเมื่อได้รับผลกระทบ กรมการขนส่งทางรางจะหารือกับผู้ให้บริการเพื่อพิจารณามาตรการเยียวยา ดังนี้
1. มาตรการให้ผู้ให้บริการขนส่งทางรางออกใบรับรองเพื่อนำไปใช้กับที่ทำงาน หรือโรงเรียน ว่ารถไฟฟ้าเกิดเหตุล่าช้าโดยระบุระยะที่ให้บริการล่าช้าเป็นจำนวนนาที
2. มาตรการคืนค่าโดยสารเต็มจำนวนหากประสบเหตุขัดข้องส่งผลให้ล่าช้ามากกว่า 30 นาที
3. ให้ผู้ให้บริการขนส่งทางรางกำหนดกรณีที่จำเป็นต้องอพยพผู้โดยสาร และวิธีการดำเนินการ รวมถึงการซ้อมเผชิญเหตุให้ชัดเจน เพื่อลดความกังวลของผู้โดยสารให้ได้มากที่สุด