xs
xsm
sm
md
lg

โตมากับ RS หมัดเด็ดยกเครื่องเรื่องเพลง เฮียฮ้อจัดทัพลุย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - ขึ้นชื่อว่า “RS” ยังไงก็หนีไม่พ้นเรื่องของ “เพลง” แม้ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาจะฝ่าคลื่นลมสู้มรสุม หันไปหยิบจับธุรกิจแนวอื่นจนสร้างเป็น “อาณาจักร RS” มูลค่าธุรกิจกว่า 5,000 ล้านบาทในวันนี้ แต่ดีเอ็นเอของ RS ยังคงเป็นเรื่องของ เพลง ซึ่งไม่เคยเงียบหายไป เพียงรอเวลาที่เหมาะสมจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และวันนี้ “เฮียฮ้อ” พร้อมยิ่งกว่าพร้อม ทวงคืนความยิ่งใหญ่ ขอปั้น “RS Music” สู่เวทีการแข่งขันแบบไร้พรมแดน ก้าวที่ยิ่งใหญ่ ส่งความดังไปให้ถึงระดับโกลบอล

ช่วงเวลา 40 กว่าปีของวงการเพลงไทย จาก Rose Sound สู่ “อาณาจักร RS” ในวันนี้ ความสำเร็จที่ได้มาไม่ใช่เพียงแค่กดปุ่ม Play เพื่อเล่นเพลงแล้วจะดัง ไม่ใช่เพียงอาศัยโชคช่วยแล้วจะรอด แต่เกิดจากแนวคิดที่ไม่ยึดติด พร้อมออกนอกกรอบ ลองทำสิ่งใหม่ๆ ภายใต้ดีเอ็นเอเดิมกับรากฐานธุรกิจหลัก คือ “ธุรกิจเพลง” เพียงรอคอยเวลา เพื่อกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง 

“RS” เป็นอีกผู้เล่นหนึ่งที่พร้อมปรับตัวและหาแนวทางธุรกิจที่เหมาะสมกับ 10 กว่าปีที่ผ่านมาที่วงการเพลงไทยซบเซา ไม่ใช่งานเพลงไทยไม่ดี ไม่พัฒนา แต่เกิดจากดิจิทัลดิสรัปชัน ส่งผลให้วิถีการฟังเพลงเปลี่ยนไป โมเดลทำธุรกิจเพลงจึงต้องถึงคราวปรับตัวเปลี่ยนตาม นับเป็นจุดเปลี่ยนผ่านของวงการเพลงไทยครั้งสำคัญ จากรูปแบบแอนะล็อกสู่ดิจิทัล จากเทปคาสเซต, แผ่นซีดี สู่ MP3 และสตรีมมิ่ง 


จะเห็นได้ว่าช่วง 10 กว่าปีมานี้ RS ไม่เคยทิ้งธุรกิจเพลง แม้ว่าจะหันไปหยิบจับธุรกิจอื่นจนรุ่ง แต่ธุรกิจเพลงยังคงเป็นลูกรัก จากเคยดังขั้นสุด ปั้นศิลปิน นักร้องมากมาย โดยเฉพาะยุค 90 ไม่ว่าจะเป็น ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, เต๋า สมชาย, เจมส์ เรืองศักดิ์, แรปเตอร์, บอยสเก๊าท์, ขยับมาฝ่ายหญิง กับ ปาน ธนพร, โฟร์ท นฤมล, นุ๊ก สุทธิดา และโมเม จนมาถึงคลื่นลูก 2 กับค่ายเพลง กามิกาเซ่ ที่มีนักร้องศิลปินวัยรุ่นมากมาย เช่น โฟร์-มด, หวาย, ขนมจีน, เกิร์ลลี่เบอร์รี่, เฟย์ ฟาง แก้ว, และ 3.2.1
จากนั้นหันมาเอาดีทางสายลูกทุ่ง กับค่ายเพลง อาร์สยาม กับนักร้องดังอย่าง ใบเตย, กระแต, จ๊ะ, บลูเบอรี่, บ่าววี เป็นต้น จากนั้นก็เริ่มเบาๆ ลงไปในเรื่องธุรกิจเพลงลง แต่ก็ไม่เคยทิ้ง เพราะยังมีผลงานเพลงออกมาอยู่เรื่อยๆ จน 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ก็ยังหันกลับมาให้ความสำคัญอีกครั้ง พยายามปั้นนักร้องศิลปินหน้าใหม่ ภายใต้โมเดลธุรกิจเพลงใหม่ที่อิงและเอื้อไปกับโมเดลธุรกิจคอมเมิร์ซ

ล่าสุดในปี 2566 นี้ RS พร้อมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในวงการเพลงอีกครั้ง ด้วยการแยกธุรกิจ (Spin-off) ในส่วนธุรกิจเพลงซึ่งดูแลโดย RS Music ออกมาจัดตั้งเป็นบริษัทย่อย และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2567 ในชื่อ "RS Music Thailand"

เฮียฮ้อ หรือ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน RS มีธุรกิจในเครืออยู่ 5 กลุ่มหลักๆ รวมแล้วแบ่งออกเป็น คอมเมิร์ซ 50-55% และมีเดีย 40-45% ซึ่งแผนการดำเนินงานในปัจจุบันมองว่าธุรกิจไหนมีโอกาสก็พร้อมที่จะผลักดันออกมาและนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 2 หน่วยธุรกิจ คือ RS Music ที่จะนำเข้าตลาดในปี 2567 และ RS Pet All ที่วางแผนจะนำเข้าตลาดในอีก 3 ปีข้างหน้า


ในส่วนของ RS Music นั้น จากกระแสเพลงไทยที่กำลังกลับมา ส่งผลให้ปีนี้ RS กลับมาให้ความสำคัญต่อธุรกิจเพลงอีกครั้ง พร้อมเร่งยกเครื่องปรับโครงสร้างใหม่เพื่อ spin-off เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2567 โดยภายในเดือนพฤษภาคมนี้ได้เตรียมแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมนำ RS Music เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

สำหรับแผนงานของ RS Music นั้น ในปีนี้จะวางแนวทางไว้ 2 โปรเจกต์ คือ 1. โฮมคัมมิ่ง เป็นการร่วมงานกับศิลปินเก่าๆ และ 2. นิวคัมเมอร์ เป็นการเฟ้นหาศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งโมเดลการทำงานนั้นยังเปิดกว้างให้ศิลปินอิสระอีกด้วย โดยตั้งเป้ารายได้ไว้ 700 ล้านบาทในปีนี้

“แผนการนำ RS Music มายกเครื่องปรับโครงสร้างใหม่เพื่อ spin-off เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2567 นั้น เพราะมองเห็นโอกาสของตลาดเพลง รวมถึงกระแสซอฟต์เพาเวอร์ อีกทั้งมีพาร์ตเนอร์จากต่างประเทศสนใจเข้ามาร่วมลงทุน ทั้งในรูปแบบ JV ใหม่ และใน RS Music มองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ถูกที่ถูกเวลา จึงพร้อมกลับมาให้ความสำคัญต่อธุรกิจเพลงอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ RS พร้อมนำพาธุรกิจเพลงก้าวไปสู่ระดับต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน และในเอเชีย รวมถึงระดับโกลบอลต่อไป เพราะการฟังเพลงในปัจจุบันไม่มีพรมแดน ภาษาไม่ได้เป็นอุปสรรคในการฟังเพลงอีกต่อไป” เฮียฮ้อ กล่าวย้ำ


ทั้งนี้ RS Music มีแผนปิดดีลกับพาร์ตเนอร์ต่างประเทศในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นดีลขนาดใหญ่ที่จะสร้างมูลค่าให้ทั้งกลุ่มและเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการผลักดัน RS Music ให้มีศักยภาพ ขยายธุรกิจให้เติบโตได้ทั้งในประเทศและระดับโลก และมีการปรับโครงสร้างธุรกิจเพลงใหม่ โดยรวมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเสียงเพลงทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน กับ 3 ค่ายเพลงหลัก, COOLFahrenheit, โชว์บิซ, การทำการตลาดออนไลน์และออนกราวนด์ รวมถึง Artist Management ซึ่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในให้ชัดเจน และการปรับกลยุทธ์ของแต่ละธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ปัจจุบันรายได้ของอาร์เอส มิวสิค มีที่มาจาก 5 แหล่งหลัก ได้แก่

1. Digital Monetization เป็นรายได้จากผลงานเพลงทั้งจากศิลปินรุ่นใหม่และศิลปินระดับตำนานของอาร์เอส จากช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียอย่าง YouTube, Facebook, Instagram, TikTok หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ได้แก่ Spotify, Apple Music, JOOX และอื่นๆ

2. Copyright Revenue เป็นรายได้จากการจัดเก็บและต่อยอดทรัพย์สินทางภูมิปัญญา (IP) ลิขสิทธิ์เพลงอื่นๆ ของ อาร์เอส มิวสิค

3. Marketing Projects & Campaigns เป็นรายได้จากโปรเจกต์หรือแคมเปญการตลาดต่างๆ เช่น การพัฒนาผลงานเพลงร่วมกับพันธมิตรต่างๆ

4. Showbiz & Concerts เป็นรายได้จากการจัดกิจกรรม อีเวนต์ เฟสติวัล และคอนเสิร์ต
5. Talent Management เป็นรายได้จากการบริหารและดูแลศิลปิน

ล่าสุดในไตรมาสสองนี้ หน่วย RS Music กำลังเปิดรับออดิชันคนรุ่นใหม่ที่มีความฝันก้าวสู่การเป็นศิลปินในสังกัด RS Music ภายใต้โปรเจกต์ RS Newcomers ส่วนโปรเจกต์ RS Homecoming นั้น มีการเปิดตัวศิลปินเบอร์แรก “บีม กวี” ที่กลับมาครั้งนี้พกพาความสนุกมาแบบคูณสาม กับการรวมตัวครั้งสำคัญของพ่อพ่อบีมกับแฝดตัวแสบอย่างพี่ธีร์ น้องพีร์ใน Single ใหม่ เเนวเพลง Electronic Pop ใน Music Video เพลง "Call Me Daddy"- Beam ft. Thee Phee 30 พฤษภาคมนี้

หากยังจำกันได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีคำกล่าวฮิตประโยคหนึ่งที่มาจากแฮชแท็ก คือ โตมากับอาร์เอส ซึ่งถือเป็นกิมมิกที่ยังทำให้ อาร์เอส มีฐานแฟนคลับตลาดเพลงอยู่อย่างเหนียวแน่นตลอดมา


** อาณาจักร RS กับ 5 กลุ่มธุรกิจ
ปัจจุบัน RS แม้จะจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการบันเทิงไทย ทำให้มีทั้งธุรกิจเชิงพาณิชย์และมีเดียที่บริหารต่อยอดและเติบโตไปด้วยกัน โดยในวันนี้ ภายใต้อาณาจักร RS มีธุรกิจในเครืออยู่ 5 ธุรกิจ ประกอบด้วย
1. RS Livewell เป็นกลุ่มคอมเมิร์ซ เกี่ยวกับสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว เช่นแบรนด์ well u, Vitanature+ และ Lifemate ซึ่งเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง
2. RS Connect ในรูปแบบธุรกิจขายตรง โมเดลธุรกิจให้มีความหลากหลาย สามารถขายสินค้าได้ง่ายขึ้น มีการเปิดตัวยูไลฟ์ สเปซ ศูนย์บริการสำหรับลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย (Business Partners) แบบครบวงจร พร้อมด้วยโซนชอปปิ้งที่เปิดให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมคุณภาพสูงของยูไลฟ์ได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างรายได้จากการแตกไลน์โมเดลธุรกิจ ‘ปิ่นโต’ ธุรกิจโมเดลใหม่สำหรับจำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพแบบ Subscription เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน
3. RS Pet All เป็นธุรกิจใหม่ที่เริ่มไปเมื่อช่วงปลายปีก่อน เป็นธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเข้าลงทุนใน บริษัท ฮาโตะ เพ็ท เวลเนส เซ็นเตอร์ จำกัด (Hato Pet Wellness Center) ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงครบวงจรและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน “Preventive Program” โปรแกรมการป้องกันดูแลและส่งเสริมให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพแข็งแรงชั้นนำของประเทศไทย ในสัดส่วน 51% ซึ่งล่าสุดได้ทำการเปิดตัวโรงพยาบาลสัตว์กรุงเทพ-ชัยพฤกษ์ ศูนย์สุขภาพสัตว์เลี้ยงครบวงจร เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่แมสมากขึ้น นำเสนอบริการคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ โดย อาร์เอส กรุ๊ป พร้อมที่จะสนับสนุนให้ Hato เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

“ธุรกิจ RS Pet All เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มองเห็นโอกาสเติบโตสูงมาก และเป็นอีกธุรกิจที่มองว่าจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า หลังจากได้เข้าไปลงทุนในฮาโต๊ะ โดยแผนในปีนี้จะเปิดเพ็ตชอป 6-7 สาขา ซึ่ง ก.ค.นี้จะเปิดแฟลกชิปสโตร์เป็นสาขาแรก เฉลี่ยการลงทุน 10-15 ล้านบาท” เฮียฮ้อกล่าว

4. RS Multimedia กับธุรกิจสื่อ อย่างช่อง 8 ล่าสุดหลังจากมีการปรับกลยุทธ์ตามยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับสโลแกน “ข่าวช่อง 8 ที่นี่ของจริง” และการกลับมาอ่านข่าวอีกครั้งของ “พุทธ อภิวรรณ” ในรายการ “ลุยชนข่าว” ส่งผลให้เรตติ้งพุ่งแรงต่อเนื่อง ล่าสุดคว้าเรตติ้ง Nationwide 1.2% และสามารถเข้าถึงฐานผู้ชมกว่า 3.2 ล้านคน หรือกล่าวได้ว่าเรตติ้งขยับขึ้น 100-200% รวมถึงการขายโฆษณาก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการปรับราคาโฆษณาขึ้นแต่อย่างใด และจากนี้จะได้เห็นการปรับผังรายการต่างๆ ให้มีความเข้มข้นโดนใจกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น

5. RS Music ขณะนี้กำลังเปิดรับออดิชันคนรุ่นใหม่ที่มีความฝันก้าวสู่การเป็นศิลปินในสังกัด RS Music ภายใต้โปรเจกต์ RS Newcomers ในส่วนโปรเจกต์ RS Homecoming นั้น มีการเปิดตัวศิลปินเบอร์แรก “บีม กวี” ติดตามชมความสนุกแบบจัดเต็มใน Music Video เพลง "Call Me Daddy"- Beam ft. Thee Phee 30 พฤษภาคมนี้


นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมความบันเทิงอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ‘VIBE SQUARE’ จาก 4th Apple โชว์เคสพิเศษจากศิลปินไทยที่จะโรดโชว์ไปตามสถานที่ต่างๆ, คอนเสิร์ตและมิวสิกเฟสติวัลที่จัดขึ้นโดย COOLive และคอนเสิร์ต Grammy-RS ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ อีก 3 คอนเสิร์ต

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของรายได้ของอาณาจักร RS นั้น พบว่าภาพรวมรายได้ไตรมาส 1 ทำได้ 813 ล้านบาท กำไร 92 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 67% เป็นผลจากการฟื้นตัวของธุรกิจสื่อ และรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่สูงขึ้น ส่วนครึ่งปีหลังมั่นใจว่ารายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจจะเติบโตขึ้นหมด หรือปีนี้ RS จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 5,000-5,500 ล้านบาท กำไร 10-12% ขณะที่รายได้จาก RS Music น่าจะอยู่ที่ 15% ของรายได้รวมปีนี้

“จากวันวานที่โตมากับ RS ตอกย้ำให้เห็นว่าในวันนี้ RS เป็นองค์กรที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และพร้อมเดินหน้ามุ่งสู่การเป็น Life Enriching ที่ไม่ใช่แค่การเติมเต็มความสุขและความต้องการของผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์และบริการเท่านั้น แต่ยังต้องการยกระดับในทุกมิติการใช้ชีวิตของลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์แห่งความสุขไปพร้อมกับสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้ผู้คนและสัตว์เลี้ยงผ่านทุกธุรกิจในเครือ ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรเติบโตขึ้นในหลากหลายมิติ และมั่นใจว่ารายได้ปี 2566 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” เฮียฮ้อกล่าวปิดท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น