xs
xsm
sm
md
lg

กทท.ปักธงเพิ่มสัดส่วนรายได้เชิงพาณิชย์ 20% จ่อออก TOR พัฒนา 90 ไร่ แหลมฉบัง-คลองเตย 17 ไร่ปลายปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กทท.ตั้งเป้าปี 66 กำไร 6.6 พันล้านบาท ยอมรับเศรษฐกิจโลกทรุดฉุดตู้สินค้าลด เร่งปั้นรายได้ทรัพย์สินเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% รอตั้งบอร์ดปฏิรูปฯ เคาะประมูลที่ดิน 3 แปลงใหญ่ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาทนำร่องแหลมฉบัง 90 ไร่ และคลองเตย 17 ไร่ในปีนี้

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า วันที่ 16 พ.ค. 2566 กทท.ครบรอบสถาปนา 72 ปี ซึ่ง กทท.มุ่งนโยบายการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ในการเป็นประตูการค้าหลักและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศและเป็นท่าเรือชั้นนำของโลก โดยจะมีการให้บริการด้านโลจิสติกส์และบริหารจัดการท่าเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ท่าเรือสีเขียว เพื่อพัฒนาท่าเรือสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งขณะนี้ท่าเรือกรุงเทพได้มีการนำรถยกไฟฟ้า (Electric Forklift) จำนวนหนึ่งมาใช้ปฏิบัติงาน

โดยมียุทธศาสตร์นำร่องพัฒนา 3T คือ 1. การลดปัญหาการจราจรติดขัด (Traffic) ในท่าเรือ 2. การสนับสนุนธุรกิจการขนส่งสินค้าถ่ายลำ (Transshipment) ซึ่งปี 2565 พบว่ามีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึง 10 ล้านทีอียู ขณะที่จะมีการส่งเสริมสินค้าถ่ายลำให้มากขึ้นเพื่อจูงใจให้สายเดินเรือเข้ามาใช้บริการ ซึ่งปีนี้สินค้าถ่ายลำเริ่มเพิ่มขึ้น โดยปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง เดือน ต.ค. 2565-มี.ค. 2566 อยู่ที่ 792,225 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า 25% คาดว่าตลอดทั้งปีจะมีปริมาณการขนส่งรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคัน ซึ่งจะเป็นสถิติที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ เป็นผลจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ขณะนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและไทยเป็นทั้งผู้ผลิตและเป็นท่าเรือถ่ายลำสู่ ยุโรป ออสเตรเลียจะช่วยส่งเสริมไทยเป็นเกตเวย์ 3. สินค้าผ่านแดน (Transit) เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งสินค้าและระบบโลจิสติกส์ทั้งภายในและต่างประเทศ ในการขนส่งสินค้าเชื่อมจากท่าเรือไทย ผ่านระบบขนส่งของไทยไปถึงเพื่อนบ้านและจีนตอนใต้ได้

สำหรับผลประกอบการ กทท.ในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565-มี.ค. 2566) มีเรือเทียบท่าที่ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง รวม 6,928 เที่ยว ลดลง 5% สินค้าผ่านท่า 55.97 ล้านตัน ลดลง 2.4% และตู้สินค้าผ่านท่า 4.81 ล้านทีอียู ลดลง 3.3% โดยมีรายได้สุทธิ 7,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.12% กำไรสุทธิ 3,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.41% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยทั้งปี 2566 ตั้งเป้ากำไรประมาณ 6,600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นกำไรที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 72 ปี

ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศปี 2566 ขยายตัวต่ำกว่าปีก่อนหน้า ทั้งการนำเข้าและส่งออก ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และจีน มีการเติบโตต่ำกว่าคาด และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้คาดการณ์ปริมาณตู้สินค้าของโลกในปี 2566 ลดลง 10-16% ดังนั้นกทท.จะพยายามรักษาปริมาณตู้สินค้าไว้ในระดับเท่าปี 2565 และพยายามเพิ่มรายได้จากการพัฒนาทรัพย์สิน เร่งพัฒนาที่ดินว่าง และบริหารสัญญาเช่าที่มีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


ปัจจุบัน กทท.มีรายได้รวมประมาณ 15,800 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้จากตู้สินค้าและค่าธรรมเนียม 90% (13,000-14,000 ล้านบาท) รายได้จากการบริหารทรัพย์สิน 10% (1,000 ล้านบาท) ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ด้านบริหารทรัพย์สินอย่างน้อยปีละ 2-3% ดังนั้นคาดว่าภายใน 3 ปีรายได้ด้านทรัพย์สินจะมีสัดส่วนเป็น 15% และจะเพิ่มไปอยู่ที่ระดับ 20% ในที่สุด ทั้งนี้ ไม่รวมการพัฒนาย่านที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ในชุมชนคลองเตย (Smart Community) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ โดยในปีนี้จะเริ่มบริหารจัดการสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์รอบคลองเตย ที่มีประมาณ 1,182 ยูนิต ซึ่งหมดสัญญามา 8 ปีแล้ว ปีนี้ได้ทยอยเข้าทำสัญญาใหม่ภายใต้อัตราค่าเช่าใหม่ โดยจะมีการต่อสัญญาทุก 3 ปี และมีที่ดินแปลงใหญ่ที่แหลมฉบัง ที่เอกชนเช่า เป็นโกดัง Warehouse เป็นต้น

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ขณะนี้ กทท.อยู่ระหว่างสรุปการศึกษาแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3 แปลงใหญ่ ได้แก่ 1. ที่ดิน 17 ไร่ ติดอาคารสำนักงานของ กทท.(นอกรั้วกรมศุลกากร) 2. ที่ดิน 15 ไร่ข้างอาคารสำนักงาน กทท.(นอกรั้วกรมศุลกากร) บริเวณโกดังสเตเดียม โดยแนวคิดทั้ง 2 แปลงนี้เป็นการพัฒนามิกซ์ยูส มีสำนักงาน และส่วนสนับสนุนกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ 3. พื้นที่ 90 ไร่ บริเวณท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นจุดพักรถบรรทุก (Truck Parking) เพื่อลดปัญหาการจราจรทั้งภายในและภายนอกท่าเรือแหลมฉบัง โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในพื้นที่ เช่น บริการโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ สำหรับรถบรรทุกที่เข้ามารอเวลารับ-ส่งสินค้าจากสายเรือ โดยมีมูลค่าแปลงละประมาณ 1,000 ล้านบาท รวม 3 แปลง มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท


@เร่งตั้งบอร์ดปฏิรูปทรัพย์สิน เคาประมูลพัฒนาที่ดิน แหลมฉบัง 90 ไร่ และ 17 ไร่ คลองเตย ปลายปีนี้

ขณะนี้คณะกรรมการ (บอร์ด) กทท. เตรียมแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปทรัพย์สินขึ้นเพื่อดูแลกลั่นกรองแผนการบริหารทรัพย์สินโดยเฉพาะ คาดว่าจะนำเสนอผลศึกษาพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3 แปลงใหญ่ต่อบอร์ดปฏิรูปทรัพย์สินในเดือน มิ.ย. 2566 หากบอร์ดปฏิรูปทรัพย์สินเห็นว่า กทท.ควรเดินหน้าประมูลและนำผลประมูลอนุมัติบอร์ด กทท.ภายหลังการดำเนินงานจะเร็วขึ้น ซึ่งตามแผนงานคาดว่าจะเริ่มการพัฒนาแปลงแรก คือท่าเรือแหลมฉบัง ขนาด 90 ไร่ก่อน โดยจะเร่งจัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) ประกาศประกวดราคา คาดว่าจะได้ตัวเอกชนผู้ดำเนินการช่วงปลายปี 2566 และนำที่ดิน 17 ไร่ ติดอาคารสำนักงานของ กทท.ออกประกวดราคาช่วงปลายปี 2566 ด้วย ส่วน ที่ดิน 15 ไร่ข้างอาคารสำนักงาน กทท. จะออกประกาศประกวดราคาในเดือน ม.ค. 2567

สำหรับโครงการต่างๆ ที่ยังสานต่ออีกหลายโครงการ ได้แก่ การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ การขับเคลื่อนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในจังหวัดขอนแก่นและนครราชสีมา เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ การศึกษาโมเดล Super Port การร่วมมือกับท่าเรือเอกชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการพัฒนา Land Bridge เชื่อมสองฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามันที่จังหวัดระนองและชุมพรให้เป็นรูปธรรม

โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ในส่วนที่ 1 ส่วนงานก่อสร้างทางทะเล ได้ทำการปรับแผนการปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการประกวดราคาอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ยื่นข้อเสนอผ่านคุณสมบัติเพียงรายเดียว คาดว่าจะสามารถได้ผู้รับจ้างภายในเดือนกันยายนนี้

งานส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหาเครื่องมือเครื่องจักร และติดตั้งระบบ IT อยู่ระหว่างการจัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) เพื่อเร่งดำเนินการประกวดราคาต่อไป อย่างไรก็ตาม กทท.ได้มีการติดตาม กำกับ เร่งรัด และผลักดันการก่อสร้างโครงการฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การพัฒนาโครงการฯ เป็นไปตามกรอบระยะเวลาของสัญญา


วันที่ 16 พ.ค. นายปริญญา แสงสุวรรณ ประธานกรรมการ กทท.เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนา กทท. ครบรอบ 72 ปี โดยได้มอบเงินสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศล เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,000,000 บาท ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สมาคมคาทอลิคแห่งประเทศไทย มัสยิดอินดารุลมีนา ชมรมผู้สูงอายุของ กทท. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของ กทท. และนอกจากนี้ยังมอบเงินจำนวน 50,000 บาท บริจาคแก่วัดคลองเตยนอก เพื่อนำไปสนับสนุน “โครงการปันน้ำใจให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง” และ “โครงการช่วยเหลือศพอนาถาในเขตคลองเตย” พร้อมเชิญชวนหน่วยงานภายนอกร่วมสมทบทุนให้แก่วัดคลองเตยนอกแทนการมอบกระเช้าแสดงความยินดีอีกด้วย






กำลังโหลดความคิดเห็น