JSP เข้าสู่ปีทองแตกไลน์ธุรกิจต่อยอดสู่ศูนย์ฟอกไต ล่าสุดเข้าซื้อหุ้นเกรซ วอเทอร์ เมด 52.8% โรงงานผลิตน้ำยาล้างไต เพื่อรองรับผู้ป่วยโรคไตที่มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปีที่พบ 1 ใน 10 ของคนทั่วโลกมีอาการไตทำงานผิดปกติ ชี้ธุรกิจมีอนาคต เพราะเป็นสินค้าจำเป็นต่อระบบสาธารณสุข เผยพร้อมเป็นโรงงานคนไทยผลิตสินค้าป้อนคนไทยให้เข้าถึงในราคาต่ำกว่าสินค้าต่างชาติ คาดกระบวนการซื้อหุ้นจบไตรมาส 2 พร้อมรับรู้รายได้ทันที ไตรมาส 1/66 อวดกำไร 1.85 ล้านบาท เติบโต 116.08%
ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจรล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการของ JSP เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2566 มีมติอนุมัติเข้าลงทุนในธุรกิจเป็นโรงงานผลิตน้ำยาล้างไต (A-B Solution) จำนวน 52.8% ในบริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (GWM) คิดเป็นมูลค่า 43.9 ล้านบาท โดยหลังจากซื้อหุ้นครั้งนี้จะทำให้ JSP กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีอำนาจในการวางนโยบาย รวมถึงจะทำให้ JSP กลายเป็นผู้ให้บริการด้านผู้ผลิตและจำหน่ายในตลาดยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพครบวงจรมากขึ้นตามแผนแตกไลน์ธุรกิจไปสู่บริการอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ครอบคลุมและครบวงจรมากยิ่งขึ้น
“การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะเข้ามาเสริมให้ JSP แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่ากระบวนการต่างๆ จะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2/2566 ซึ่งธุรกิจผลิตน้ำยาฟอกไตปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อระบบสาธารณสุขของไทยและทั่วโลก โดยล่าสุดปี 2565 พบว่า 1 ใน 10 ของประชากรโลกพบการทำงานของไตผิดปกติ และในประเทศไทย 1 ใน 25 ของผู้ป่วยเบาหวานและความดัน มีภาวะไตวายและจะเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โดยปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการบำบัดทดแทนไตมีประมาณเกือบ 200,000 คน ซึ่งยังไม่รวมถึงผู้ป่วยที่ยังไม่แสดงอาการหรือที่ที่แสดงอาการไม่มากถึงขั้นที่ต้องการให้รับการบำบัดทดแทนไตอีกประมาณกว่า 1 ล้านคนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น การที่เราเข้าไปร่วมธุรกิจนี้ จึงเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงน้ำยาล้างไตที่ผลิตโดยคนไทย และมีราคาต่ำกว่าสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ” นายสิทธิชัยกล่าว
ทั้งนี้ GWM ดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาสำหรับผู้ป่วยฟอกไต รวมถึงนำเข้า-ส่งออกเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องฟอกไตเทียม, เข็มต่อสายฟอกเลือด และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเลือด โดยปัจจุบันมีความจำเป็นในการเข้าถึงเงินทุนเพื่อขยายกิจการรองรับการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งทางบริษัทพิจารณาแล้วว่าภายใน 3 ปีจะสามารถสร้างผลตอบแทนจากเงินลงทุนดังกล่าวได้ 3-4 เท่า
หลังจากการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้จะทำให้ JSP ได้ประโยชน์จาก บริษัทวารี เมดิคอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GWM ที่ให้บริการด้านการติดตั้งระบบน้ำประปา และจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำและติดตั้งระบบน้ำบริสุทธิ์ให้กับศูนย์ฟอกไตของ GWM และลูกค้ารายอื่นๆ ดังนั้น JSP จึงมีแผนที่จะลุยธุรกิจที่เกี่ยวกับ การบำบัดรักษาไตอย่างครบวงจร เช่น การเปิดศูนย์ฟอกไต การจัดจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ตอกย้ำเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำด้านด้านยาและสุขภาพครบวงจร
นอกจากนี้ ยังได้ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 36.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 43.8% เนื่องจากธุรกิจด้านการขายสินค้าประเภท Own Brand (แบรนด์สุภาพโอสถ และอื่นๆ) ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น หลังจาก JSP ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการทำการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดโดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงวัยซึ่งเป็นการเติบโตตามโครงสร้างประชากรที่เริ่มสู่สังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้บริษัทยังรายงานอัตรากำไรขั้นต้นงวดไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้น 0.7% ส่งผลมีกำไรสุทธิ 1.85 ล้านบาท หรือ 0.004 บาทต่อหุ้น เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 11.5 ล้านบาท หรือขาดทุน 0.03 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 116.08%
“JSP เริ่มมีผลการดำเนินงานที่เป็นบวก สะท้อนถึงการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผน หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้ระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วนำเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวไปลงทุนตามแผน และในปีนี้ผลจากการลงทุนดังกล่าวเริ่มสะท้อนออกมาในรูปของผลประกอบการโดยเริ่มจากไตรมาสแรกปีนี้” ดร.สิทธิชัยกล่าว