ชาวไร่อ้อยรอลุ้นรับราคาอ้อยขั้นต้นปี 2566/67 คาดจะสูงถึงระดับ 1,300 บาทต่อตัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่หลังราคาตลาดโลกพุ่งกระฉูดเฉลี่ย 26 เซ็นต์ต่อปอนด์ ชาวไร่เตรียมข้อมูลเสนอ รมว.อุตสาหกรรมคนใหม่ขับเคลื่อนแผนพัฒนาอ้อย จับตาราคาโลกพุ่งหนุนน้ำตาลไหลออกต่างประเทศ แนะรัฐเร่งควบคุมหวั่นนำไปสู่การตึงตัวและขาดแคลน
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้แทนชาวไร่อ้อยในคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2566/67 ประเมินในเบื้องต้นเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,300 บาทต่อตันเนื่องจากราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ประมาณ 26 เซ็นต์ต่อปอนด์ โดยยังคงขึ้นอยู่กับปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทและค่าความหวานของอ้อย ฯลฯ ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวถือเป็นการทำลายสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์จากเดิมฤดูการผลิตปี 65/66 ทำไว้ที่ 1,080 บาทต่อตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ซีซีเอส
“ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกช่วงนี้ปรับตัวสูงมากเนื่องจากผลผลิตภาพรวมของโลกลดต่ำลงกว่าที่คาดไว้พอสมควรจากปัญหาภัยแล้ง ซึ่งก็รวมถึงไทยด้วยที่ล่าสุดปิดหีบไปผลผลิตอ้อยฤดูผลิตปี 2565/66 อยู่ที่ 93.88 ล้านตัน ซึ่งผิดเป้าหมายเดิมที่เคยคาดการณ์กันไว้ว่าจะแตะระดับ 100 ล้านตัน” นายวีระศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ชาวไร่อ้อยยังคงพยายามติดตามความคืบหน้าการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการพิจารณาโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 เช่นปีที่ผ่านๆ มา โดยสนับสนุนกรอบวงเงินที่ตันละ 120 บาท ซึ่งยอมรับว่าหากที่สุดไม่ได้ก็ต้องรอรัฐบาลใหม่เพื่อพิจารณารวมไปถึงความชัดเจนในปีถัดๆ ไป โดยประเด็นดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอที่ชาวไร่อ้อยเตรียมที่จะทำข้อสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเสนอรัฐบาลใหม่โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่พิจารณาเห็นชอบต่อไป
แหล่งข่าวจากสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ยอมรับว่าขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกมีทิศทางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงส่งผลให้ทางฝ่ายโรงงานและชาวไร่อ้อยได้หารือกันและมีความกังวลกรณีที่โรงงานบางแห่งนำน้ำตาลทรายส่งออกเพิ่มมากขึ้น หากปล่อยไว้ปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศอาจตึงตัวและเกิดปัญหาขาดแคลนได้จึงได้แจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ให้เร่งควบคุมดูแลในประเด็นดังกล่าวเร่งด่วน
“ราคาน้ำตาลทรายขาวและขาวบริสุทธิ์หน้าโรงงานอยู่ที่ 19 และ 20 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) แต่ขณะที่ราคาตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาที่แท้จริงขยับไปถึง 24.50 บาทต่อ กก.จึงไม่จูงใจให้เกิดการจำหน่ายในประเทศจึงมีการส่งออกเพิ่มขึ้นซึ่งรายได้ส่วนนี้ไม่ได้ตกไปสู่ชาวไร่อ้อยแต่อย่างใด แม้ว่ารัฐจะมีน้ำตาลทรายสต๊อกเพื่อดูแลการบริโภคในประเทศที่สำรองไว้ราว 1 เดือนอาจจะเกิดปัญหาได้จึงต้องเร่งดูแล” แหล่งข่าวกล่าว