AAV เผยผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 รายได้รวม กว่า 9.8 พันล้านบาท เติบโต 369% ขนส่งผู้โดยสาร 4.58 ล้านคน เพิ่ม 13% จากไตรมาสก่อนหน้า ดันมีกำไร 359 ล้านบาท เตรียมเพิ่มความถี่จีนเป็น 114 เที่ยวบิน/สัปดาห์ คาดทั้งปีผู้โดยสารอยู่ที่ 20 ล้านคน
บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีรายได้รวม 9,814.8 ล้านบาท เติบโต 369% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 359.4 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์ จะทำให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 1,765.4 ล้านบาท บวกต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ตอกย้ำการฟื้นตัวของธุรกิจทั้งตลาดภายในประเทศที่มีส่วนเเบ่งการตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 37% และตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีนที่เห็นการเติบโตชัดเจนตั้งเเต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี พร้อมตั้งเป้ามีกำไรสุทธิทั้งปีเป็นครั้งเเรกหลังสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2566 TAA ขนส่งผู้โดยสารรวม 4.58 ล้านคน ยังคงเร่งตัวขึ้น 13% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 216% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราขนส่งผู้โดยสารสูงยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 92% ความตรงต่อเวลาอยู่ที่ 87% โดยมีฝูงบิน ณ สิ้นสุดไตรมาส จำนวน 54 ลำ (รอส่งมอบคืน 1 ลำ) และนำมาใช้ปฏิบัติการบินเเล้วจำนวน 45 ลำ โดยมีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ยอยู่ที่ 11.8 ชั่วโมงต่อวันต่อลำ
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวนผู้โดยสารยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยวสำคัญ สะท้อนให้เห็นทิศทางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบินที่ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดเส้นทางระหว่างประเทศที่ขนส่งผู้โดยสารจำนวน 1.42 ล้านคนในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนประเทศไทยยังไม่ได้เปิดประเทศ
โดยไตรมาสนี้เริ่มเห็นการเติบโตของตลาดจีนช่วงท้ายไตรมาสชัดเจน หลังจากที่จีนยกเลิกนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และ TAA มีความพร้อมช่วงชิงโอกาสได้ทันที ส่วนตลาดในประเทศได้รับอานิสงส์จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่นักท่องเที่ยวใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก ทำให้ไทยแอร์เอเชียมีผู้โดยสารกว่า 3.16 ล้านคน
TAA วางแผนเชิงรุกในการเพิ่มเส้นทางบินทั้งในเเละต่างประเทศต่อเนื่อง ทั้งจากฐานปฏิบัติการการบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ เชียงใหม่ และภูเก็ต ที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีโอกาสและปริมาณความต้องการเดินทางสูง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยมาแล้วกว่า 845,000 คน สูงเป็นอันดับที่สองรองจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาประมาณ 1,289,000 คน
โดยปลายไตรมาสที่ 1 ไทยแอร์เอเชียให้บริการเส้นทางบินจีนไปแล้ว 67 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ พร้อมมีเเผนเพิ่มเป็น 114 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในไตรมาส 2 นี้ และเร่งกลับไปบินให้ใกล้เคียงกับที่เคยทำได้ในปี 2562 ที่ประมาณ 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมทั้งตลาดอาเซียน อินเดีย และตลาดนักท่องเที่ยวใหม่อย่างฟุกุโอกะและไทเป ก็ได้รับการตอบรับดีเยี่ยมเช่นกัน
สำหรับตลาดภายในประเทศ ไทยแอร์เอเชียกลับมาขนส่งผู้โดยสารแล้วกว่า 89% ของช่วงก่อนโรคระบาด และไตรมาสนี้เรามีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 37% ส่วนหนึ่งมาจากความไว้วางใจจากผู้โดยสาร และด้วยจำนวนเครื่องบินที่เรามีมากที่สุดในตลาด อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้พิจารณาเพียงเฉพาะเรื่องส่วนแบ่งตลาดเท่านั้น แต่ดูภาพรวมของอุตสาหกรรมประกอบด้วย ทั้งด้านราคาตั๋วโดยสารและการบริการที่ดีที่สุด โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมานี้ อุตสาหกรรมโดยรวมยังคงมีทิศทางฟื้นตัวเป็นที่น่าประทับใจ
ทั้งนี้ ในปี 2566 TAA ยังคงเป้าหมายขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 20 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 9.95 ล้านคน คาดการณ์อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 87% คงความเป็นผู้นำด้านความตรงต่อเวลา และพร้อมนำฝูงบินทั้งหมด 53 ลำมาปฏิบัติการบินให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ TAA ก็มีแผนรองรับเพื่อเพิ่มฝูงบินเพื่อคว้าโอกาสในการเติบโต นอกจากนี้เรายังทำงานใกล้ชิดกับการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทยต่อเนื่อง ในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเเละเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ ตลอดจนการสนับสนุนเศรษฐกิจท่องเที่ยวเมืองรอง สู่การฟื้นตัวต่อเนื่องของผลประกอบการ พร้อมดำเนินการตามเเผนความยั่งยืนเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวต่อไป