“น้ำตาลขอนแก่น” ชี้ผลดำเนินงานปีนี้ดีขึ้นมาจากราคาและปริมาณการผลิตน้ำตาลที่สูงขึ้น และการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไตรมาสแรกปีนี้มีกำไรโตขึ้น 62% หวั่นผลผลิตอ้อยในไทยปี 67 ส่อแววลดลงจากเอลนีโญ
นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปี 2566 มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากราคาน้ำตาลที่ปรับตัวสูงขึ้น และธุรกิจไฟฟ้ามีการผลิตไฟฟ้าขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มากขึ้นและราคาที่สูงขึ้นจากการปรับค่า FT
อีกทั้งในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถผลิตน้ำตาล 7.2 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงเล็กน้อย ขณะที่ทิศทางราคาน้ำตาลโลกจะปรับจาก 18-21 เซ็นต์ต่อปอนด์ เป็น 22-23.5 เซ็นต์ต่อปอนด์ จากการที่ผู้ผลิตหลักผลิตได้ลดลง อีกทั้งบราซิลประสบปัญหาเรื่องการขนส่งมีผลต่อการส่งออกน้ำตาลสู่ตลาดโลก และค่าเงินบาทอ่อนผลดีต่อรายได้จากการส่งออกน้ำตาล
นายชลัชกล่าวว่า ในไตรมาส 1/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 538 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 54 % รายได้จากการขายสินค้าและบริการรวมเพิ่มขึ้นมา 9%
ส่วนราคาน้ำตาลไทยส่งสัญญาณดีต่อเนื่องจนถึงปีหน้า ตามทิศทางราคาน้ำตาลตลาดโลกที่ปรับตัวสูงอยู่ที่บริเวณ 26-27 เซ็นต์ต่อปอนด์ ซึ่งเป็นระดับราคาสูงที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากปริมาณหีบอ้อยของไทยและอินเดียลดลง โดยปริมาณการผลิตน้ำตาลของบริษัทฯ ปีนี้อยู่ที่ 6.6 ล้านตัน เป็นอันดับ 5 จากปริมาณอ้อยทั่วประเทศทั้งหมด
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญเผชิญความร้อนรุนแรง อาจส่งผลต่อปริมาณการเก็บเกี่ยวอ้อยในรอบถัดไป ขณะเดียวกันประเทศอินเดียก็มีผลผลิตที่ลดลงจากปีที่แล้ว 35.9 ล้านตัน ลดลงเหลือ 32.8 ล้านตันในปีนี้