xs
xsm
sm
md
lg

"อีอีซี" ลงพื้นที่ "อู่ตะเภา-ท่าเรือมาบตาพุด" อัปเดตก่อสร้าง มั่นใจเปิดบริการปี 70 ตามเป้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"อีอีซี" ลงพื้นที่ "อู่ตะเภา" อัปเดตงานก่อสร้าง ทร.จ่อเปิดประมูลรันเวย์ 2 พ.ค.นี้ UTA เร่งปรับแผนสร้างเฟสแรกเปิดบริการปี 70 ท่าเรือมาบตาพุด สร้างเขื่อน ถมทะเลคืบ 43.71% มั่นใจเปิดปี 70 ตามเป้า

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลัก (EEC Project list) ซึ่งเป็นการร่วมทุนรัฐและเอกชน (PPP) จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ว่า อีอีซีผลักดันการดำเนินงานทั้ง 2 โครงการเพื่อให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมาย โดยโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกขณะนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างส่วนระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่คืบหน้าไปมาก


งานในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของภาครัฐ กองทัพเรือ (ทร.) คือการก่อสร้างรันเวย์ เส้นที่ 2 อยู่ระหว่างการเตรียมออกประกาศเชิญชวนผู้รับจ้างงานก่อสร้าง คาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนได้ในเดือน พ.ค. 2566 นี้ และอยู่ระหว่างส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กับ บริษัท อู่ตะเภาอินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) คาดว่าจะส่งมอบในช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 หรือในต้นปี 2567


ทั้งนี้ อีอีซี และกองทัพเรือได้นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมจุด Utility Area ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคภายในสนามบิน ได้แก่ งานระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น ซึ่งได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ (Solar Farm) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) เป็นพลังงานสะอาดตามแนวคิดหลักของอีอีซีที่มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 95 เมกะวัตต์ พร้อมด้วยระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ ขนาด 50 เมกะวัตต์ เพื่อให้สนามบินอู่ตะเภาฯ ก้าวสู่มหานครการบินภาคตะวันออก ใช้พลังงานสีเขียว มีประสิทธิภาพสูงสุดลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และงานระบบอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น งานน้ำประปาและบำบัดน้ำเสีย งานระบบเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ขณะนี้ได้ก่อสร้างมีความคืบหน้าอย่างเป็นลำดับต่อเนื่อง


ในส่วนภาคเอกชน การร่วมลงทุนพัฒนาอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 เมืองการบิน (Airport City) คลังสินค้า (Cargo) ลานจอดอากาศยาน ถนนและสาธารณูปโภคภายในโครงการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสนามบิน ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงแผนแม่บทให้เหมาะสมกับสถานการณ์ธุรกิจการบิน และการออกแบบรายละเอียดต่างๆ แต่ละโครงการ ด้านความก้าวหน้าที่สำคัญ UTA ได้จัดทำรั้วมาตรฐานเขตการบินเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างทันทีหลังได้รับแจ้งให้เริ่มการก่อสร้าง (Notice to Proceed : NTP) จาก สกพอ. โดย UTA คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2567 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี และมีการทดสอบระบบ การให้บริการและการบริหารจราจรทางอากาศ คาดเปิดให้บริการเฟสแรกในปี 2570


นายจุฬากล่าวว่า การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาไม่ใช่แค่มีสนามบิน แต่จะมีทั้งเมืองการบิน ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ โดยอีอีซีมองว่าสนามบินจะเป็นเหมือนประตูนำพาให้ผู้คน นักลงทุนเข้ามาในพื้นที่อีอีซี สะดวก การให้ลงทุน PPP สนามบินและเมืองการบิน รวมไปถึงรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ จะมีส่วนสนับสนุนพื้นที่อีอีซี ทั้งหมด


ด้านโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 วงเงินรวม 55,400 ล้านบาท มีแหล่งเงินทุน ได้แก่ ฝั่งนิคมอุตสาหกรรมมูลค่า 12,900 ล้านบาท จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน งานหลักเป็นการขุดลอกและถมทะเล และฝั่งภาคเอกชนลงทุนท่าเทียบเรือก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งการก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้วกว่า 43.72% เร็วกว่าแผนประมาณ 0.01% โดยคาดว่าโครงการท่าเรือมาบตาพุดฯ จะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการท่าเรือก๊าซ (ส่วนที่ 1) ภายในปี 2570 เพื่อสร้างความมั่นใจการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานหลักในอีอีซี ประกาศความพร้อมจูงใจนักลงทุนอุตสาหกรรมนวัตกรรมขั้นสูง ตามกรอบเศรษฐกิจ BCG กระตุ้นให้เกิดเงินลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศใน 5 ปี (2566-2570) ปีละ 400,000 ล้านบาท เศรษฐกิจไทยเติบโต 4.5-5% ได้ต่อเนื่อง

โดยงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในปัจจุบัน ได้แก่ การก่อสร้างเขื่อนกันทราย การลงหินแกนแล้วเสร็จ 100% และอยู่ระหว่างปรับขนาดเสริมหินเกราะชั้นนอก ติดตั้งเขื่อนกันคลื่นทะเล (Breakwater) ถมทรายเพื่อก่อสร้างถนน สะพานเข้า-ออกโครงการ รวมทั้งเตรียมงานอู่ลอยสำหรับหล่อเขื่อนกันคลื่นสำเร็จรูป (Caisson) ในส่วนของงานขุดลอกและปรับพื้นที่ทางทะเล ได้ติดตั้งม่านกันตะกอนตามที่ระบุในรายงาน EHIA เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งโครงการฯ ได้สร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชนต่อเนื่อง มีการจัดตั้งคณะกรรมการติดตามควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมในงานก่อสร้าง ที่ภาคประชาชนเข้าร่วมเป็นกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด จำนวน 3 คณะ และได้จัดประชุมร่วมกันไปแล้วกว่า 30 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น วัดคุณภาพอากาศ เสียง ความสั่นสะเทือน วัดคุณภาพน้ำทะเล คุณภาพน้ำทิ้ง ซึ่งได้รายงานต่อกรมเจ้าท่า และสำนักงาน สผ. ทุก 6 เดือน ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 3 ครั้ง เป็นต้น

โครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีอีซี เพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในเขตนิคมฯ มาบตาพุด มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ รองรับการลงทุนในอีอีซี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 19 ล้านตันต่อปี รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร และในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สร้างการลงทุนในพื้นที่ส่งผลให้เกิดการจ้างงาน และประชาชนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น