ผู้จัดการรายวัน 360 – “นันยาง” สปีดเต็มรองเท้า เดินแผนรุกปีนี้หวังโตมากสุดถึง 8%-10% มั่นใจตลาดเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว พร้อมออกแคมเปญ “BULLY NO MORE” สกัดการบูลลี่
นายจักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมรองเท้านักเรียนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตั้ืงแต่ปี 2563-2565 ตลาดรวมค่อนข้างจะทรงตัว แม้ในช่วงเปิดเทอมก็ตามซึ่งปรกติเป็นช่วงหน้าขายของรองเท้านักเรียนอยู่แล้วด้วยสัดส่วนการขายมากกว่า 80% ของทั้งปี อันเป็นผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ต้องมีการปิดการเรียนในโรงเรียนไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่ดีขึ้น โควิดเริ่มซาลงไปมากและกำลังซื้อที่กระเตื้องขึ้น การกลับมาเรียนที่โรงเรียนได้เต็มที่ และจากการทำตลาดของผู้ประกอบทั้งหลาย คาดว่าตลาดรวมรองเท้านักเรียนในปี2566นี้จะเติบโตได้ถึง 3-5% จากมูลค่าตลาดรวม ที่มีมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยแยกเป็นรองเท้าผ้าใบผู้ชายแบบผูกเชือก สัดส่วน 60% รองเท้านักเรียนผู้หญิงแบบพีวีซี สัดส่วน 35% และอื่นๆ สัดส่วน 15% โดยเฉพาะในช่วงใกล้เปิดเทอมหรือแบกทูสคูล (Back to School) จะมีการขายที่คึกคักมาก
ในส่วนของ นันยาง ปีนี้วางแผนตลาดเชิงรุกมากขึ้นก็มีการตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโตมากถึง 8%-10% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตมากที่สุดที่ตั้งไว้ จากเดิมโดยเฉลี่ยตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้แค่ 3-5% เท่านั้นเอง โดยที่ผ่านมานันยางก็เคยเติบโต 10% มาแล้วในช่วงสถานการณ์ปกติหรือช่วงก่อนโควิด ปัจจุบันนันยางมีส่วนแบ่งการตลาดรองเท้านักเรียนโดยรวมเป็นอันดับที่1 ด้วยส่วนแบ่งรวมกว่า 43%-44% มาตลอด จากยอดขายรวมประมาณ 1,300 กว่าล้านบาท
สำหรับสัดส่วนยอดขายมาจาก ช่องทางเทรดดิชันนัลเทรด ประมาณ 70% มาจากช่องทางโมเดิร์นเทรด 20% และมาจากช่องทางออนไลน์ 10% ซึ่งช่องทางออนไลน์เติบโตสองหลักมาตลอด และแบ่งเป็นรายได้จากตลาดในประเทศไทย 75% และรายได้จากตลาดต่างประเทศ 25% แยกเป็นรองเท้าผ้าใบกับรองเท้าแตะสัดส่วนเท่ากันที่ 50% ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 10 ล้านคู่ต่อปี
โดยผลิตภัณฑ์รองเท้านักเรียนของนันยาง แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักคือ 1.นันยางพื้นเขียว ดั้งเดิม 205S สำหรับกลุ่มเด็กมัธยม ราคา เริ่มที่ 320 บาท , 2.นันยาง แฮฟฟัน สำหรับเด็กประถมไม่ผูกเชือก ทำตลาดมาได้ 3 ปีแล้วราคาเริ่มที่ 299 บาท, 3. นันยางซูเปอร์สตาร์ เืป็นไฟท์ติ้งแบรนด์ ราคา 199 บาท และ 4. นันยางซาฟารี สำหรับนักศึกษา ราคาเริ่มที่ 299 บาท
“ส่วนช่องทางการขายต่างประเทศนั้น นันยางยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น จากกลยุทธ์การร่วมมือกับภาครัฐนำสินค้าไทยไปขยายตลาดในต่างประเทศ มีการออกบูธแสดงสินค้าในต่างประเทศ ส่งผลให้รองเท้าผ้าใบนันยางเป็นที่รู้จักในระดับสากลมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำคัญอย่างในวงการกีฬาตะกร้อ และเทคบอลที่กำลังเป็นกระแส ในปัจจุบันด้วย จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งใน Soft Power ของไทยในปัจจุบัน” นายจักรพล กล่าว
ล่าสุดนันยางเปิดตัวแคมเปญ “BULLY NO MORE” เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนมากเป็นอันดับ2 ของโลก หรือมีผู้ที่ถูกทำการบูลลี่มากกว่า 600,000 คนต่อปี ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ น้นยางต้องการให้มีการเลิกบูลลี่
“ในปีนี้ นันยางได้จัดทำสื่อที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ ‘คำขอโทษจากนันยาง’ ที่ไม่เพียงแต่ต้องการแสดงให้สังคมเห็นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่นันยางได้เคยสื่อสารไปในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจมีเนื้อหาบางส่วนเข้าข่ายการบูลลี่โดยไม่ได้ตั้งใจ และการออกมาขอโทษของเราในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะจุดประกายแนวคิดให้แก่นักเรียนที่เคยมีพฤติกรรมการบูลลี่คนอื่น ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามได้เกิดการฉุกคิดและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องนี้เช่นเดียวกับนันยางตระหนัก”
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา รองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่นพิเศษ “Nanyang ‘BULLY NO MORE’ Special Edition”จำนวน 2566 คู่ โดยไม่วางจำหน่าย ที่สละพื้นที่โลโก้นันยางบนรองเท้า ให้เป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE เพื่อประกาศจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดเจน พร้อมเชิญชวนนักเรียนทั่วประเทศมาเป็นแนวร่วมทุกครั้งที่ได้เห็นข้อความบนรองเท้า โดยนันยางเปิดโอกาสให้นักเรียนนำรองเท้าคู่เก่ามาแลกรองเท้ารุ่นพิเศษนี้ ซึ่งรองเท้าคู่เก่าของพวกเขา จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงาน Art Installation ที่ประกอบขึ้นเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะได้ทำการประทับรอยเท้าแสดงจุดยืนร่วมกันเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ BULLY NO MORE ที่จะทำให้จุดยืนการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนนี้ค่อยๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และนันยางจะใช้โอกาสของการร่วมกันประกาศจุดยืนนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนให้หมดไปผ่านแนวคิด ‘ย่ำให้เต็มที่ แต่ไม่ย่ำยีใคร’