• นับตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2020 ชริ้งเฟล็กซ์ได้ขยายโรงงานแห่งที่สอง ซื้อเครื่องจักรเพิ่ม และขยายผลิตภัณฑ์ไลน์ใหม่ จนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
• ชริ้งเฟล็กซ์เป็นผู้นำด้านฉลากฟิล์มหดรัดรูปเจ้าแรกในไทยที่ผลิตบรรจุภัณฑ์อ่อน หรือ Flexible packaging ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รีไซเคิลได้ 100%
• บริษัทมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย ESG ที่ชัดเจน เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่องค์กรและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
1. ภาพรวมการเติบโตของชริ้งเฟล็กซ์นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างไร
(รวมถึงแนวโน้มการเติบโตสำหรับปี 2023)?
บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SFT) เข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 พอดี แต่เราก็ยังเติบโตต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้ เราได้นำเงินทุนจากตลาดฯ มาลงทุนตามแผนที่เคยได้แจ้งตลาดฯ และนักลงทุน เช่น การสร้างโรงงานแห่งที่ 2 การลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่ม และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างบรรจุภัณฑ์อ่อน หรือ Flexible packaging
และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านฉลากฟิล์มหดรัดรูป บริษัทยังคงมีการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายสร้างความยั่งยืนของธุรกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วย customer value ที่เรามอบให้ลูกค้า ทำให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตมาได้ตลอด ตั้งแต่ปี 2020-2022
2. จุดเด่นของชริ้งเฟล็กซ์ที่สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรม คืออะไร?
อันดับแรกคือ เรามีทีมงานที่มีศักยภาพและประสบการณ์ครับ สองคือ เรามีนวัตกรรมใหม่ ๆ นำเสนอลูกค้าเสมอ เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น ๆ เรายังสามารถสร้างแม่พิมพ์เองได้ เราคือผู้ผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปดิจิทัลเจ้าแรก ๆ ในไทย และเราไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง และพร้อมเติบโตเคียงข้างกับคู่ค้าของเรา ทั้งหมดนี้ทำให้ทางบริษัทพร้อมตอบโจทย์ในเรื่องของนวัตกรรมหลากหลายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อนผู้ผลิตรายอื่น
อีกประการสำคัญคือ เราเป็นคู่ค้ากับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรายใหญ่ต่าง ๆ ทำให้เราได้ผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปแก่สินค้าในแทบจะทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ยาและเวชภันฑ์ ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการพิมพ์ที่ต่างกัน จุดนี้จึงสร้างความได้เปรียบแก่ชริ้งเฟล็กซ์อย่างมีนัยสำคัญครับ
3. กลยุทธ์สร้างการเติบโตในระยะ 3-5 ปีต่อจากนี้ เป็นอย่างไร?
อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หลังเข้าตลาดฯ เราได้นำเงินทุนมาขยายธุรกิจโดยเน้นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างบรรจุภัณฑ์อ่อน หรือ Flexible packaging ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์สิ่งแวดล้อมทั้งฉลากฟิล์มหดรัดรูป และ บรรจุภัณฑ์อ่อน
ดังนั้น ในระยะ 3-5 ปีนี้ เราจึงมุ่งเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจรด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปและบรรจุภัณฑ์อ่อนในไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 2 ดิจิต
4. เนื่องด้วยปัจจุบันมีการขับเคลื่อน และมาตรการเกี่ยวกับพลาสติกออกมาอย่างต่อเนื่อง ทางชริ้งเฟล็กซ์มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไรบ้าง?
พลาสติกมันคงหายไปจากชีวิตประจำวันเราได้ยาก แต่โจทย์คือ จะทำอย่างไรให้มันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการรีไซเคิล (Recycle) หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) สองโซลูชันนี้คืออนาคตของอุตสาหกรรมฉลากฟิล์มหดรัดรูปครับ สำหรับชริ้งเฟล็กซ์ ฉลากฟิล์มหดรัดรูปของเราสามารถนำมาผ่านกระบวนการ และบดรวมกับขวดพลาสติกเพื่อนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลได้ โดยเราได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า GreenShrink ซึ่งผ่านการรับรองโดยสมาคมรีไซเคิลพลาสติกแห่งอเมริกา (American Plastics Recycling Association: APR) ในปีที่ผ่านมา ตรงนี้ถือเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จที่มีการรับรองชัดเจน อีกทั้งบริษัทยังมีการนำเสนอบรรจุภัณฑ์อ่อนที่ใช้ mono material สามารถนำกลับมารีไซเคิล 100% ได้เช่นกัน
5. ชริ้งเฟล็กซ์ได้วางกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลขององค์กร (Environmental, Social, and Corporate governance: ESG) อย่างไรบ้าง?
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชริ้งเฟล็กซ์พยายามอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรามีกิจกรรมด้านความยั่งยืนตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนเข้าตลาดฯ เพียงแต่เมื่อเป็นบริษัทมหาชน นโยบายก็ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม และยังครอบคลุมทุกหน่วยงานในองค์กร
ผมขอพูดถึงด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) เป็นอันดับแรก ชริ้งเฟล็กซ์มีมาตรการเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เช่น การนำน้ำมันกลับมาใช้ใหม่ การบำบัดน้ำเสีย และการติดแผงโซลาร์เซลล์ในโรงงาน แผงโซลาร์เซลล์ที่โรงงานเก่าของเราสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ 450 กิโลวัตต์ครับ และล่าสุดที่โรงงานแห่งใหม่ก็กำลังอยู่ระหว่างติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้มากถึง 600 กิโลวัตต์
ถัดมาคือ ด้านสังคม (Social) ไม่ว่าจะกับบุคลากรภายใน คู่ค้า และชุมชนในระแวกใกล้เคียง ชริ้งเฟล็กซ์ได้ขับเคลื่อนกิจกรรมที่แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในองค์กร เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร ดูแลเรื่องสวัสดิการและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน เป็นต้น
ด้านสุดท้ายคือ ธรรมาภิบาลขององค์กร (Corporate Governance) ชริ้งเฟล็กซ์ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 4 ดาว หรือ "ดีมาก" (Very Good CG Scoring) จากการเข้ารับการประเมินในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report of Thai Listed Company: CGR) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) รางวัลนี้การันตีการดำเนินงานที่ชัดเจนของเราได้เป็นอย่างดีครับ
สุดท้ายนี้ ผมอยากเน้นย้ำอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของชริ้งเฟล็กซ์ ตั้งแต่ก่อนและหลังจดทะเบียนเข้าตลาดฯ ว่าเรายังคงไว้ซึ่งปณิธานที่จะสร้างธุรกิจที่มีความยั่งยืนผ่านการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขยายคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ (Strategic partners) เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์และลูกค้าของเราผ่านนวัตกรรมที่หลากหลาย ขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นในชริ้งเฟล็กซ์ และเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเราครับ
(บทความประชาสัมพันธ์)