SCC แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/2566 มีรายได้จากการขาย 128,748 ล้านบาท ลดลง 16% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 16,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% มาจากกำไรการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน SCG Logistics จากการรวมธุรกิจ SCGJWD Logistics 11,956 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ มีกำไรลดลง 42% มาจากปริมาณขายเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรฯ ลดลง ต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้น
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขาย 128,748 ล้านบาท ลดลง 16% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากปริมาณขายและราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง มี EBITDA ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวด 16,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 1 ปี 2566 มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนจากการรวมกิจการระหว่างบริษัทเอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด กับบริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) 11,956 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ประกอบกับต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทำให้บริษัทมีกําไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ (Profit excluding extra items) อยู่ที่ 4,516 ล้านบาท ลดลง 42% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้จากการขายเติบโตขึ้น 5% มาจากยอดขายที่สูงขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจเคมิคอลส์ จากการกลับมาดําเนินการผลิตของโรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มี EBITDA เท่ากับ 12,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจแพกเกจจิ้ง รวมทั้งส่วนต่างราคาขายและปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น กําไรสําหรับงวด 16,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,369 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่มาจากกําไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน SCG Logistics จากการรวมธุรกิจ SCGJWD Logistics ของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ทั้งนี้ กําไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ (Profit excluding extra items) อยู่ที่ 4,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,446 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน จากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ และปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลง
ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัทมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหารเท่ากับ 94,100 ล้านบาท เทียบกับ ณ สิ้นไตรมาส 4/65 ซึ่งอยู่ที่ 95,402 ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ 103,714 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 2%
ขณะที่รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนสำหรับไตรมาส 1/2566 มีมูลค่า 8,921 ล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุนเป็นของธุรกิจเคมิคอลส์ 52% ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 19% ธุรกิจแพกเกจจิ้ง 19% และส่วนงานอื่น 10% โดยรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนส่วนใหญ่ใช้สำหรับโครงการปิโตรเคมีครบวงจรของ LSP ที่เวียดนาม ทั้งนี้ คาดการณ์รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนสำหรับปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท