ผู้จัดการรายวัน 360 - “ยู แอนด์ ไอ กรุ๊ป” เปิดแผนลุยฟูดเต็มอัตราศึก เปิดแบรนด์ใหม่เพียบ จ่อลุยสุกี้ตลาดแมส หลังตลาดพรีเมียมติดลมบนแล้ว ล่าสุดเปิดตัวสองแบรนด์ใหม่ปีนี้ ดร.แซนด์วิช กับ ลายเส้นก๋วยเตี๋ยวเรือ ปีนี้ทุ่ม 150 ล้านบาท ขยายกว่า 10 สาขารวม ดันรายได้โต 40% เล็งขยายต่างประเทศพร้อมแฟรนไชส์
นางสาวยุพิน ชัยวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายนฤชิต โรจนยางกูร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยู แอนด์ ไอ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารร้านยูแอนด์ไอ (YOU & I) สุกี้บุฟเฟต์พรีเมียม ร่วมกันเปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายและต่อยอดธุรกิจอาหารต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตยั่งยืนให้แก่องร์กร และเตรียมพร้อมที่จะผลักดันบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต รวมทั้งการขยายตลาดต่างประเทศด้วย
ปี 2566 นี้จะเป็นปีที่บริษัทดำเนินธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้นหลังจากที่ต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 และนับตั้งแต่ดำเนินกิจการมาเปิดสาขาแรกที่เมกาบางนาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว โดยวางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 150 ล้านบาท วางแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ของร้านยูแอนด์ไอสุกี้พรีเมียมบุฟเฟต์ และแบรนด์ใหม่อีกอย่างน้อย 10 สาขารวมกัน
ทั้งนี้ แบรนด์เดิมแบรนด์หลักคือ ยูแอนด์ไอ จะเปิดใหม่อีกอย่างน้อย 4 สาขา จากปัจจุบันมีแล้ว 18 สาขา ที่เปิดล่าสุดสาขาที่ 18 โครงการไอซีเอส ถนนเจริญนคร ส่วนต้นปีนี้เปิดที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และจะเริ่มขยายต่างจังหวัดจริงจังมากขึ้น จากเดิมที่เปิดแล้วที่ภูเก็ต ส่วนปีที่แล้วเปิดใหม่รวม 4 สาขา ที่เซ็นทรัลเวิลด์ สยามเซ็นเตอร์, เทอร์มินอล 21 พระราม 3, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
ขณะเดียวกัน ปีนี้จะเปิดแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 2 แบรนด์ คือ ลายเส้น ก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมียม ด้วยคอนเซ็ปต์ ลายเนื้อเส้นสวย เปิดสาขาแรกที่มาร์เช่ทองหล่อ และแบรนด์ ดร.แซนด์วิช ร้านแซนด์วิชสไตล์แกร็บแอนด์โก คอนเซ็ปต์อีสต์ มีต เวสต์ (East meet West) เปิดสาขาแรกที่มาร์เช่ทองหล่อ
โดยวางแผนงานระยะ 3 ปี (พ.ศ.2566-2568) จะต้องมีสาขายูแอนด์ไอสุกี้พรีเมียมบุฟเฟต์เปิดบริการรวมประมาณ 30 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหัวเมืองหลัก เช่น ระยอง พัทยา เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี เป็นต้น ร้านลายเส้นก๋วยเตี๋ยวเรือ 10 สาขา และร้านดร.แซนด์วิช 10 สาขา
อย่างไรก็ตาม แบรนด์ยูแอนด์ไอเตรียมที่จะสร้างให้เป็นรีจินัลแบรนด์ด้วยการขยายตลาดออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเบื้องต้นมองไปที่ตลาด CLMV โดยรูปแบบจะมีทั้งการเข้าร่วมลงทุนกับคนท้องถิ่นหรือการให้แฟรนไชส์ก็เป็นไปได้ ส่วนแบรนด์ดร.แซนด์วิช ก็มีแนวทางที่จะขยายในรูปแบบแฟรนไชส์ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถขยายไปธุรกิจรับจัดเลี้ยงได้ด้วย
นอกจากนั้น ในปีนี้ยังได้ลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ในการสร้างครัวกลางแห่งใหม่ ด้วยพื้นที่ 2 ไร่ พื้นที่ใช้สอยกว่าพันตารางเมตรรองรับการขยายสาขาที่มากจากเดิมที่ครัวกลางแห่งเก่าพื้นที่เพียง 300 ตารางเมตรเท่านั้น
ส่วนแบรนด์ใหม่ที่เตรียมจะขยายและเปิดตัวนั้น ก็เช่น สุกี้บุฟเฟต์แบบยูแอนด์ไอ แต่จะเป็นระดับที่ราคาต่ำลงมาอาจจะ 300-400 บาทบวกบวก แต่จะเน้นไปที่อะลาคาร์ตเป็นหลักแต่ก็มีบริการบุฟเฟต์ด้วย เพื่อให้สามารถครอบคลุมตลาดได้กว้างขึ้น จากเดิมที่ยูแอนด์ไอเป็นสุกี้บุฟเฟต์พรีเมียมแล้ว โดยคาดว่าจะเปิดสาขาแรกที่มาร์เช่ ทองหล่อ และจะเป็นสาขาแรกของบริษัทที่เปิดบริการถึงตี 4 และอีกแบรนด์คือเป็นอาหารประเภทปิ้งย่าง ที่จะเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่แตกต่างจากที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดเวลานี้
“เราวางเป้าหมายบริษัทเราให้เป็นผู้ประกอบการทางด้านฟูดแอนด์เบฟเวอเรจ ที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพ สร้างความคุ้มค่าให้กับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ซึ่งเรามองว่าธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่ยังอยู่ได้ โอกาสมีอีกมาก แต่อยู่ที่ผู้ประกอบการจะสร้างอะไรที่แตกต่างจากตลาดได้ แค่ตลาดสุกี้และชาบูอย่างเดียวก็เกือบสามหมื่นล้านบาทแล้ว” นางสาวยุพินกล่าว
นางสาวยุพินกล่าวด้วยว่า จากการที่ขยายร้านอาหารมากแบรนด์และสาขามากขึ้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการบริหารจัดการเรื่องวัตถุดิบให้ดีโดยเฉพาะวัตถุดิบพรีเมียมนำเข้าเช่นเนื้อวัววากิว ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ใช้วัตถุดิบนำเข้ามากกว่า 50% ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีแผนที่จะขยายบทบาทไปเป็นเทรดดิ้งหรือผู้นำเข้าวัตถุดิบเองส่วนหนึ่งและซื้อจากทางซัปพลายเออร์ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้รวมในปี2566 นี้ไว้ที่ 550 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 400 ล้านบาท ขณะที่ช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิดระบาดทำรายได้รวมที่ 330 ล้านบาท จากทั้งหมด 12 สาขาในขณะนั้น และวางเป้าหมายในปี 2568 จะมีรายได้รวมที่ 1,000 ล้านบาท สัดส่วนรายได้เป็น ยูแอนด์ไอสุกี้พรีเมียมบุฟเฟต์ 60% ลายเส้นก๋วยเตี๋ยวเรือ 20% และ ดร.แซนด์วิช 20%
สำหรับสาขาใหม่ที่ไอซีเอสนี้มีความพิเศษคือ มีพื้นที่มากที่สุด 300 ตารางเมตร และมีบริการห้องส่วนตัวถึง 2 ห้องความจุรวม 16 คน โดยยูแอนด์ไอมีบริการ 4 ระดับราคา คือ 498 บาทบวกบวก, 698 บาทบวกบวก, 898 บาทบวกบวก และ 1,398 บาทบวกบวก และมีน้ำซุปถึง 10 อย่าง