บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความสำเร็จของการจัดงาน “Water Festival 2023 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ครอบคลุมพื้นที่ใน 6 จังหวัด 4 ภูมิภาคของประเทศไทย กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ลำพูน อุดรธานี ขอนแก่น และภูเก็ต ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
ทุกพื้นที่การจัดงานมีความเชื่อมโยงกับชุมชนที่มีความโดดเด่นเชิงศิลปวัฒนธรรมที่แตกต่างกันแต่ละภูมิภาค เป็นศูนย์รวมของความเชื่อและศรัทธา ความกลมเกลียวและสันติภาพของชุมชนพหุวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ในท้องถิ่น เช่น ชุมชนกุฎีจีนฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร / ชุมชนเมืองเก่าลำพูน จังหวัดลำพูน / ชุมชนวัฒนธรรมบาบ๋าเมืองเก่าภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต / บ้านโบราณเชียงใหม่ ถ.เจริญประเทศ จังหวัดเชียงใหม่ / ชุมชนมรดกโลก บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี / ชุมชนสาวะถี วัดไชยศรี จังหวัดขอนแก่น ฯลฯ
โดยมีเป้าหมายอันแน่วแน่ที่ต้องการ “บอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก” กับตอกย้ำแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบวิถีไทย เพื่อสร้างการเรียนรู้ ส่งเสริม และสืบสานมรดกไทยสู่คนไทยและสากล โดยนอกจากจะเป็นการผสานความร่วมมือกับภาครัฐ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันกับพันธมิตรในพื้นที่ภายใต้หลักการของ บวร ยกกำลังสอง ได้แก่ บ้าน วัด โรงเรียน โดยการสนับสนุนของภาคส่วนภายนอก ร่วมกับ บริษัท วิสาหกิจเพื่อสังคม และราชการ มาทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจสู่ชุมชนจากส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มุ่งผลสัมฤทธิ์เพื่อความยั่งยืน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากการขยายผลการจัดงานสู่ภูมิภาคอื่นๆ ครอบคลุมพื้นที่หลากหลายวัฒนธรรมทั่วไทย ใน 6 จังหวัด 4 ภูมิภาคในประเทศไทย โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนในช่วงการจัดงานรวม 6 จังหวัดทั่วประเทศ มีรายได้กว่า 2.22 ล้านบาท และคาดว่าการจัดงานปีนี้จะสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้ชุมชนได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหลังจากสถานกาณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย
ล่าสุดเตรียมยกระดับงาน Water Festival สู่แพลตฟอร์มความร่วมมือที่จะรวบรวมและแบ่งปันองค์ความรู้ ยกระดับสินค้าชุมชน เพิ่มขีดความสามารถที่สร้างประโยชน์เพื่อชุมชนโดยการจัดการของชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนใน 4 มิติ ได้แก่ ศิลปวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ด้วยการเตรียมจัดตั้ง บริษัท สายน้ำแห่งวัฒนธรรม จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนและผลักดันสู่การจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อร่วมสนับสนุนและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ในขีดความสามารถในด้านเศรษฐกิจชุมชน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณณภัชป์ รัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสายน้ำแห่งวัฒนธรรม จำกัด เผยว่า “ไทยเบฟ เตรียมความพร้อมในการจัดตั้ง ‘บริษัท สายน้ำแห่งวัฒนธรรม จำกัด’ ให้เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนและผลักดันสู่การจัดตั้ง วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อร่วมสนับสนุนและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ในขีดความสามารถในด้านเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงสร้างโอกาสต่อยอดมูลค่าเพิ่มของดีในชุมชนที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน ทั้งอาหาร งานหัตถศิลป์สร้างสรรค์ต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและภูมิทัศน์ชุมชน บ้าน วัด โรงเรียน รวมถึงต่อยอดโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทักษะให้แก่เยาวชนในชุมชน โดยเรามีความมุ่งหวังให้ บริษัท สายน้ำแห่งวัฒนธรรม จำกัด นี้จะต่อยอดสู่การเป็นวิสาหกิจชุมชนและสร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรมมากขึ้น
เรียกว่าเป็นการต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม Soft Power เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนและประเทศ ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สอดคล้องนโยบายภาครัฐที่เปิดประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยวไฟเขียวให้จัดกิจกรรมสงกรานต์ได้อย่างเต็มรูปแบบไปพร้อมกับภารกิจสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมขับเคลื่อนผลักดันให้ “ประเพณีสงกรานต์ไทย” ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของโลกในปลายปี 2566 นี้”
คุณปิ่นทอง วงษ์สกุล ประธานชุมชนกุฎีจีน เผยว่า “ในมุมของชุมชนเราเองได้มองว่าเราต้องมีความเข้มแข็งและพึ่งตัวเองให้ได้ โดยชุมชนเราทั้ง 6 ชุมชนได้ร่วมกันทำการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในชุมชนของเราส่วนใหญ่รู้ข้อมูลเบื้องต้น ดังนั้นเราเลยรวมตัวกันทำการประชาสัมพันธ์เล่าถึงจุดไฮไลต์ของแต่ละที่ของตัวเองให้นักท่องเที่ยวเห็นถึงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และตั้งแต่ชุมชนได้เข้าร่วมงาน Water Festival เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย นั้น ทำให้สินค้าชุมชนได้เป็นที่รู้จักจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น ของเด่นของชุมชนเราคือ ขนมฝรั่งกุฎีจีน ซึ่งเป็นขนมประจำของชุมชน มีคนสนใจสั่งขนมเพิ่มขึ้น ทำรายได้เข้าชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ชุมชนได้มีรายได้เพิ่มขึ้นค่ะ”
นอกจากนี้ การจัดงาน “Water Festival 2023 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” ที่ผ่านมายังเป็นการยึดหลัก ESG เป็นแนวทางในการดำเนินงานผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การร่วมกันทำความสะอาดบ้าน วัด โรงเรียน รวมไปถึงกิจกรรมเก็บกลับ รีไซเคิล ด้านสังคม (Social) สืบสานศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย โดยให้ความสำคัญต่อชุมชนเป็นหลัก มีการกระจายรายได้สู่ชุมชน และพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรม Bike Walk Talk Boat และด้านธรรมาภิบาล (Governance) ยึดหลัก บวร ยกกำลังสอง พัฒนาทักษะบุคลากรโดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่จำนวนกว่า 100 คนในปัจจุบันให้เข้ามามีส่วนร่วมเป็น ‘เยาวชนเจ้าบ้านสืบสานวัฒนธรรม’ เพื่อสืบสานอัตลักษณ์ เรื่องราวเฉพาะถิ่นของชุมชน นับเป็นการเชื่อมโยงและต่อยอดเครือข่ายทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ติดตามความเคลื่อนไหวการจัดงานได้ที่ Facebook: Water Festival Thailand
ทุกพื้นที่การจัดงานมีความเชื่อมโยงกับชุมชนที่มีความโดดเด่นเชิงศิลปวัฒนธรรมที่แตกต่างกันแต่ละภูมิภาค เป็นศูนย์รวมของความเชื่อและศรัทธา ความกลมเกลียวและสันติภาพของชุมชนพหุวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ในท้องถิ่น เช่น ชุมชนกุฎีจีนฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร / ชุมชนเมืองเก่าลำพูน จังหวัดลำพูน / ชุมชนวัฒนธรรมบาบ๋าเมืองเก่าภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต / บ้านโบราณเชียงใหม่ ถ.เจริญประเทศ จังหวัดเชียงใหม่ / ชุมชนมรดกโลก บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี / ชุมชนสาวะถี วัดไชยศรี จังหวัดขอนแก่น ฯลฯ
โดยมีเป้าหมายอันแน่วแน่ที่ต้องการ “บอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก” กับตอกย้ำแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบวิถีไทย เพื่อสร้างการเรียนรู้ ส่งเสริม และสืบสานมรดกไทยสู่คนไทยและสากล โดยนอกจากจะเป็นการผสานความร่วมมือกับภาครัฐ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันกับพันธมิตรในพื้นที่ภายใต้หลักการของ บวร ยกกำลังสอง ได้แก่ บ้าน วัด โรงเรียน โดยการสนับสนุนของภาคส่วนภายนอก ร่วมกับ บริษัท วิสาหกิจเพื่อสังคม และราชการ มาทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจสู่ชุมชนจากส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มุ่งผลสัมฤทธิ์เพื่อความยั่งยืน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากการขยายผลการจัดงานสู่ภูมิภาคอื่นๆ ครอบคลุมพื้นที่หลากหลายวัฒนธรรมทั่วไทย ใน 6 จังหวัด 4 ภูมิภาคในประเทศไทย โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนในช่วงการจัดงานรวม 6 จังหวัดทั่วประเทศ มีรายได้กว่า 2.22 ล้านบาท และคาดว่าการจัดงานปีนี้จะสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้ชุมชนได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหลังจากสถานกาณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย
ล่าสุดเตรียมยกระดับงาน Water Festival สู่แพลตฟอร์มความร่วมมือที่จะรวบรวมและแบ่งปันองค์ความรู้ ยกระดับสินค้าชุมชน เพิ่มขีดความสามารถที่สร้างประโยชน์เพื่อชุมชนโดยการจัดการของชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนใน 4 มิติ ได้แก่ ศิลปวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ด้วยการเตรียมจัดตั้ง บริษัท สายน้ำแห่งวัฒนธรรม จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนและผลักดันสู่การจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อร่วมสนับสนุนและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ในขีดความสามารถในด้านเศรษฐกิจชุมชน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณณภัชป์ รัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสายน้ำแห่งวัฒนธรรม จำกัด เผยว่า “ไทยเบฟ เตรียมความพร้อมในการจัดตั้ง ‘บริษัท สายน้ำแห่งวัฒนธรรม จำกัด’ ให้เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนและผลักดันสู่การจัดตั้ง วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อร่วมสนับสนุนและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ในขีดความสามารถในด้านเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงสร้างโอกาสต่อยอดมูลค่าเพิ่มของดีในชุมชนที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน ทั้งอาหาร งานหัตถศิลป์สร้างสรรค์ต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและภูมิทัศน์ชุมชน บ้าน วัด โรงเรียน รวมถึงต่อยอดโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทักษะให้แก่เยาวชนในชุมชน โดยเรามีความมุ่งหวังให้ บริษัท สายน้ำแห่งวัฒนธรรม จำกัด นี้จะต่อยอดสู่การเป็นวิสาหกิจชุมชนและสร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรมมากขึ้น
เรียกว่าเป็นการต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม Soft Power เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนและประเทศ ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สอดคล้องนโยบายภาครัฐที่เปิดประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยวไฟเขียวให้จัดกิจกรรมสงกรานต์ได้อย่างเต็มรูปแบบไปพร้อมกับภารกิจสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมขับเคลื่อนผลักดันให้ “ประเพณีสงกรานต์ไทย” ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของโลกในปลายปี 2566 นี้”
คุณปิ่นทอง วงษ์สกุล ประธานชุมชนกุฎีจีน เผยว่า “ในมุมของชุมชนเราเองได้มองว่าเราต้องมีความเข้มแข็งและพึ่งตัวเองให้ได้ โดยชุมชนเราทั้ง 6 ชุมชนได้ร่วมกันทำการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในชุมชนของเราส่วนใหญ่รู้ข้อมูลเบื้องต้น ดังนั้นเราเลยรวมตัวกันทำการประชาสัมพันธ์เล่าถึงจุดไฮไลต์ของแต่ละที่ของตัวเองให้นักท่องเที่ยวเห็นถึงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และตั้งแต่ชุมชนได้เข้าร่วมงาน Water Festival เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย นั้น ทำให้สินค้าชุมชนได้เป็นที่รู้จักจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น ของเด่นของชุมชนเราคือ ขนมฝรั่งกุฎีจีน ซึ่งเป็นขนมประจำของชุมชน มีคนสนใจสั่งขนมเพิ่มขึ้น ทำรายได้เข้าชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ชุมชนได้มีรายได้เพิ่มขึ้นค่ะ”
นอกจากนี้ การจัดงาน “Water Festival 2023 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” ที่ผ่านมายังเป็นการยึดหลัก ESG เป็นแนวทางในการดำเนินงานผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การร่วมกันทำความสะอาดบ้าน วัด โรงเรียน รวมไปถึงกิจกรรมเก็บกลับ รีไซเคิล ด้านสังคม (Social) สืบสานศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย โดยให้ความสำคัญต่อชุมชนเป็นหลัก มีการกระจายรายได้สู่ชุมชน และพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรม Bike Walk Talk Boat และด้านธรรมาภิบาล (Governance) ยึดหลัก บวร ยกกำลังสอง พัฒนาทักษะบุคลากรโดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่จำนวนกว่า 100 คนในปัจจุบันให้เข้ามามีส่วนร่วมเป็น ‘เยาวชนเจ้าบ้านสืบสานวัฒนธรรม’ เพื่อสืบสานอัตลักษณ์ เรื่องราวเฉพาะถิ่นของชุมชน นับเป็นการเชื่อมโยงและต่อยอดเครือข่ายทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ติดตามความเคลื่อนไหวการจัดงานได้ที่ Facebook: Water Festival Thailand
