นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัญหาไฟป่า หมอกควันเป็นปัญหาที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ในปี 2566 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายรับมือไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ยกระดับการป้องกัน ขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติและเตรียมพร้อมรับมือ ป้องกันและแก้ไขปัญหา 3 พื้นที่ “เมือง ป่า เกษตร” ให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจในความพร้อมของทุกหน่วยงาน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือปกป้องสุขภาพอนามัยของประชาชน บนหลักการ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม”
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว มีนโยบายขับเคลื่อนวาระชาติไปยังเครือข่ายภาคประชาชน มุ่งเน้นมาตรการป้องกันมากกว่าการแก้ไขปัญหา และสิ่งสำคัญคือ การสื่อสารเชิงรุก ส่งเสริมให้ ทสม. และเครือข่ายภาคประชาชนเป็นกลไกสร้างการรับรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนเฝ้าระวัง ป้องกันปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เช่น ทสม. เคาะประตูบ้าน ต่อยอดการดำเนินกิจกรรมของเครือข่ายอาสาสมัคร และศูนย์การเรียนรู้หมู่บ้านและชุมชนปลอดการเผาในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร ช่วยกันลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากการเกษตร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในทุกรูปแบบหรือในกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดจากการดำรงชีวิตปกติ เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันในสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นสภาพแวดล้อมที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ
"การประชุมยกระดับในการเฝ้าระวังป้องกันปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เครือข่าย ทสม. 17 จังหวัดภาคเหนือ ครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางและซักซ้อมความเข้าใจในการเสริมบทบาทของเครือข่าย ทสม.เข้าร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานกับหน่วยงานสังกัด ทส.ในจังหวัดต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพ สร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้ร่วมกันในการเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควันและฝุ่นละอองอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นการยกระดับการขับเคลื่อนวาระชาติไปยังเครือข่ายภาคประชาชนอย่างแท้จริง" นายสมศักดิ์กล่าว
