xs
xsm
sm
md
lg

RATCH ลั่นปีนี้มีไฟฟ้าเพิ่ม 1.7 พัน MW ดัน EBITDA โตไม่ต่ำกว่า 1.3 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราช กรุ๊ปตั้งเป้าปีนี้มีกำลังผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 1,700 เมกะวัตต์ ทั้งโครงการที่อยู่ในมือและดีล M&A ดันรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% และ EBITDA ไม่ต่ำกว่า 13,000 ล้านบาท พร้อมอัดงบลงทุนปี 66 แตะ 3.5 หมื่นล้านบาท ลงทุนธุรกิจไฟฟ้า 2.9 หมื่นล้านบาท และธุรกิจที่ไม่ใช่ไฟฟ้า 6 พันล้านบาท

นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,700 เมกะวัตต์จากปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้า 9,801เมกะวัตต์ ทำให้มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมที่ 81,788 ล้านบาท และมี EBITDA ปีนี้อยู่ที่ระดับ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท

ในปี 2566 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตเดินเครื่องเชิงพาณิชย์จากโครงการในมือเพิ่มขึ้น 1,207.13 เมกะวัตต์ มาจากโครงการ โรงไฟฟ้าราช เอ็นเนอร์จี ระยอง กำลังการผลิต 49.98 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติสแน็ปเปอร์ พ้อยท์ ในออสเตรเลีย 154 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าพลังงานลม ลินคอล์น แก็ป 1&2 ในออสเตรเลีย 212 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าพลังน้ำค็อดซาน ในเวียดนาม กำลังผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 58.48% คิดเป็น 17.37 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าซองเกียง 2 ในเวียดนาม กำลังผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 46.24% คิดเป็น 17.10 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าไพตัน ในอินโดนีเซีย กำลังผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 36.26% คิดเป็น 741.52 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโควิน ในเวียดนาม กำลังผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 51.04% คิดเป็น 15.16 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาดีลเข้าซื้อกิจการ (M&A) จำนวนหลายโครงการทั้งที่เปิดดำเนินการแล้วและก่อสร้างใหม่ ทั้งในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวมทั้งโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย ที่บริษัทยังได้ยื่นเสนอโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง กำลังการผลิตรวม 5,203 เมกะวัตต์ของภาครัฐ ซึ่งบริษัทได้ผ่านทางเทคนิคแล้ว 8 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้า 420 เมกะวัตต์ ซึ่งมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ทั้งหมด ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เข้ามาเสริมเพิ่มไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมยื่นประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม หลังจากรัฐเตรียมเปิดรับซื้อรอบสองเพิ่ม 3,668.5 เมกะวัตต์ โดยสนใจจะยื่นโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลม


สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า 29,000 ล้านบาท โดยงบลงทุนดังกล่าวรวมดีล M&A แล้ว ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ไฟฟ้า (Non-power) อีก 6,000 ล้านบาท ขณะที่เงินลงทุน 5 ปี (ปี 2566-2570) อยู่ 75,000-100,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับลงทุนโครงการทั้งใน และต่างประเทศ

นางสาวชูศรีกล่าวถึงแผนกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทปี 2566-2570 มุ่งเน้นเป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ 1. การเติบโตของผลตอบแทน โดยตั้งเป้าหมาย EBITDA เติบโตจาก 12,000 ล้านบาทในปีนี้ เป็น 15,000 ล้านบาทในปี 2570 2. การขยายธุรกิจ Non-Power กำหนดเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 5% ในปีนี้ และปี 2570 ธุรกิจนี้จะสร้างรายได้เข้ามาเสริมให้บริษัท 5%

3. เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้ได้ 20% ของกำลังการผลิตรวม และเพิ่มขึ้นมาเป็น 25% ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป 4. พัฒนาการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล และเตรียมความพร้อมสำหรับการประกาศความมุ่งมั่นความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2570

ส่วนการดำเนินงานในปี 2566 จะยังคงใช้กลยุทธ์ 3S: Strength-Synergy-Sustainability ซึ่งมีเป้าหมายที่สอดประสานกันในการสร้างการเติบโตของบริษัทจะใช้กลยุทธ์ S2-Synergy ในการผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทในการแข่งขันและลงทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยบริษัทจะใช้บริษัทร่วมทุน เน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี อินเวสเมนท์ (NREI) เป็นกลไกในการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่แล้วในประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ จำนวน 8 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 843 เมกะวัตต์ ให้สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ให้ได้ตามเป้าหมาย ตามแผนกำลังการผลิตของบริษัท จะมีกำลังผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นในปี 2567 รวม 518.66 เมกะวัตต์ ปี 2568 เพิ่มขึ้นอีก 918.20 เมกะวัตต์ ปี 2570 และปี 2573 เพิ่มขึ้นอีก 252.77 เมกะวัตต์ และ 213 เมกะวัตต์ ตามลำดับ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้การพัฒนากรีนไฮโดรเจน โดยมีแผนจะดำเนินการนำร่องในออสเตรเลียเป็นแห่งแรก


อย่างไรก็ตาม บริษัทยังจะดำเนินการแผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีความก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในปีนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตให้ได้ 30,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เพิ่มกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนให้ถึง 20% และพัฒนาคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนอีก 10,000 ไร่ โดยบริษัทฯ จะได้เข้าร่วมในโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์


กำลังโหลดความคิดเห็น