xs
xsm
sm
md
lg

“ศักดิ์สยาม” ตรวจแนวสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำป่าสัก ย้ำแก้ปัญหาผลกระทบประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพเดินเรือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศักดิ์สยาม” ตรวจก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งทรุดแม่น้ำป่าสัก "อยุธยา" พร้อมฟังความเห็นประชาชนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเดินเรือ กางแผนสร้างเสร็จแล้ว 8 กม. ระหว่างก่อสร้าง 4.1 กม. งบกว่า 3 พันล้านบาท คาดอีก 30 ปีปริมาณสินค้าถึง 65 ล้านตัน เพิ่มจากปัจจุบัน 2 เท่า

วันที่ 2 มี.ค. 2566 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งทรุดและการพัฒนาประสิทธิภาพการเดินเรือในแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพบปะประชาชน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคมและการขนส่ง พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมและหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้แทนภาคเอกชน ประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมให้การต้อนรับ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการสำคัญในพื้นที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา และรับฟังความคิดเห็น ความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อจะได้นำไปแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน โดยให้กรมเจ้าท่า (จท.) เร่งรัดดำเนินโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการเดินเรือในแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากแม่น้ำป่าสักมีสัดส่วนการขนส่งทางลำน้ำสูงสุดของประเทศประมาณ 30 ล้านตันต่อปี คิดเป็น 60% ของทั้งประเทศ และสามารถรองรับการขนส่งสินค้าจากถนนที่มาจากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าชายฝั่งและต่างประเทศ


ทั้งนี้ ปัญหาในปัจจุบัน พบว่าสภาพร่องน้ำมีความตื้นเขินและแคบ เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือ จึงจำเป็นต้องพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพด้วยการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งก่อนการขุดลอก รวมทั้งแก้ปัญหาสิ่งกีดขวางและที่จอดเรือในลำน้ำ เพื่อให้เรือขนาด 2,500 ตัน เดินเรือได้สะดวก จากจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา (กม.0) ขึ้นไปถึงเขตอำเภอนครหลวง (ที่ กม.23)

โดยได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่าดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง และขุดลอกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเดินเรือ ในแม่น้ำป่าสัก ซึ่งแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ความยาวรวม 8.5 กิโลเมตร ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ปี 2562 ใช้งบประมาณ 2,025 ล้านบาท ในส่วนของระยะที่ 2 จำนวน 8 ตอน โดยตอนที่ 1-2 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ระยะทาง 4.1 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 1,010 ล้านบาท ส่วนตอนที่เหลือก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

ซึ่งจะทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าในแม่น้ำป่าสักในอีก 30 ปีข้างหน้า หรือปี 2594 โดยจะขนส่งปริมาณสินค้าที่ผ่านลำน้ำป่าสักได้ถึง 65 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันถึงประมาณ 2 เท่า เป็นการเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าทางน้ำในแม่น้ำป่าสัก อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ริมแม่น้ำได้รับประโยชน์จากเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณวัดเรือแข่ง ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นให้ก้าวไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน


นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ได้กำชับให้กรมเจ้าท่าเร่งดำเนินการตามมาตรฐานด้วยความปลอดภัยและเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในอนาคตได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการในลำน้ำให้เกิดประโยชน์สนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาทางน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพและส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ

พร้อมยินดีรับฟังปัญหาและจะเร่งนำไปแก้ไข โดยมุ่งเน้นการดำเนินการด้วยความรวดเร็ว เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนสูงสุด รวมถึงการนำเรือพลังงานไฟฟ้า (EV) มาใช้ในอนาคต และเน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในระดับจังหวัดและภาคประชาชนอย่างเข้มข้น และการดำเนินโครงการต่างๆ จะต้องเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย ถูกต้องตามมาตรฐาน มีความทันสมัยมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้าน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมพัฒนาชุมชน


ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า ร่วมกับกรมทางหลวงชนบทและกรมทางหลวง ลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประชุมพูดคุยกับชาวบ้าน อ.นครหลวง เรื่องช่วยเหลือประชาชนแก้ปัญหาด้านการสัญจรทางน้ำและทางบก ในวันที่ 20 มี.ค. 66 ณ เทศบาลตำบลนครหลวง เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างใกล้ชิดต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น