IRPC ชี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว มั่นใจปีนี้ผลดำเนินงานดีขึ้น หลังจากเดินเครื่องโรงกลั่นเต็มที่ 1.9-2 แสนบาร์เรลต่อวัน สเปรดปิโตรเคมีขยับสูงจากจีนเปิดประเทศ
นางสาวกัญญามาส ฤทธิเดช ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส การเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทมั่นใจว่ามีผลการดำเนินงานดีขึ้นกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 3.18 แสนล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 4.36 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในปีที่ผ่านมา โดยปีนี้บริษัทจะดีขึ้นทั้งธุรกิจปิโตรเลียมและธุรกิจปิโตรเคมี โดยโรงกลั่นน้ำมันจะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตที่ 1.9-2 แสนบาร์เรลต่อวัน เทียบกับปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 1.75 แสนบาร์เรลต่อวัน มาจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของกาคท่องเที่ยว
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีในปีนี้ คาดว่าส่วนต่างราคา (สเปรด) จะฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากจีนเปิดประเทศ ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มมากขึ้น แต่มีปัจจัยกดดันคือ กำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดเพิ่มเติม หลังจากโครงการปิโตรเคมีได้ดีเลย์การผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อปีก่อน คงต้องจับตาดูว่าจะกลับมาผลิตเชิงพาณิชย์ในปีนี้หรือไม่
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าสัดส่วนผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษมูลค่าสูง (Specialty Product) เพิ่มเป็น 33% ด้วย ส่งผลให้ปี 2566 บริษัทจะมีค่าการกลั่นรวม (Market GIM) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 13-14 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าปีก่อนที่มี Market GIM อยู่ที่ 10.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาจากสเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งต้นทุน Crude Premium ปรับลดลง 3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2566-2570) บริษัทเตรียมไว้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้สำหรับโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและคุณภาพน้ำมันดีเซล ยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project หรือ UCF) ประมาณ 4 พันล้านบาท ที่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในต้นปี 2567 ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานและค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงโรงงาน จำนวน 2.4 พันล้านบาท, โครงการ Strengthen จำนวน 754 ล้านบาท และโครงการเชิงกลยุทธ์ (Strategic Projects) จำนวน 3 พันล้านบาท ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการลงทุนในธุรกิจใหม่