xs
xsm
sm
md
lg

BEQ ผนึก “โมเจลิม” เกาหลี ปูพรมแผนรับตลาดปลูกผมบูม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - อีก 10 ปีตลาดปลูกผมโลกทะลุ 200,000 ล้านบาท ส่วนไทยปีนี้แตะ 2,000 ล้านบาท “บีอีคิว กรุ๊ป” มองเห็นโอกาส จับมือ “โมเจลิม” ลุยสร้าง “ศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก” ปักธงเบอร์ 1 ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และหนังศรีษะแบบครบวงจรของเอเชียภายใน 5 ปี มั่นใจขึ้นเบอร์ 1 ของไทยใน 3 ปี

นายพรศักดิ์ เจียมสว่างพร ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บีอีคิว กรุ๊ป ผู้นำด้านธุรกิจการปลูกผมครบวงจร เปิดเผยว่า ในปี 2564 อุตสาหกรรมการปลูกผมถาวรทั่วโลกมีมูลค่า 5,677.61 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าในปี 2570 จะเพิ่มเป็น 8,777.56 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโต 7.98% สอดคล้องกับการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery) ที่พบว่าในปี 2562 มีเคสผ่าตัดปลูกผมทั่วโลกมากถึง 735,312 ครั้ง มากกว่าปี 2559 ถึง 16%

โดยแถบอเมริกาเหนือเป็นบริเวณที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ส่วนแถบเอเชีย-แปซิฟิกมีอัตราการเจริญเติบโตเร็วสุดในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 35% ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าในปี 2576 ตลาดปลูกผมโลกขยายตัวกว่า 200,000 ล้านบาท ส่วนตลาดเอเชียนั้น จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นตลาดที่ใหญ่ แต่การรักษาก็แตกต่างกันออกไป

ขณะที่ไทยโดดเด่นสุดในเซาท์อีสต์เอเชีย โดยตลาดปลูกผมในประเทศไทยมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท โต 10% แนวโน้มปีนี้เติบโตดีจากความต้องการหลังโควิด บวกกับมีคลินิกเข้ามาในตลาดปลูกผมมากขึ้น และแต่ละเดือนมีผู้เข้าใช้บริการ 300-400 คนทั่วประเทศ ซึ่งทุกช่วงวัย ส่วนใหญ่มีปัญหาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ โดยยังพบว่าตลาดปลูกผมแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีเพียง บีอีคิว กรุ๊ป รายเดียวที่ให้บริการ แต่เฉพาะคลินิกปลูกผม ทั่วประเทศมีอยู่ราว 80-100 คลินิก และมีเพียง 10-12 รายที่เป็นเจ้าตลาด รวมกันมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% โดยบีอีคิว กรุ๊ป เองนั้น มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 15% หรืออยู่ในท็อป 5


ล่าสุด บีอีคิว กรุ๊ป พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจปลูกผมครบวงจร ด้วยการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งแรกในประเทศไทย กับทางโรงพยาบาลโมเจลิม (MOJELIM) ผู้นำเฉพาะทางด้านการปลูกผมอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการยอมรับด้านเทคนิคการให้การรักษาระดับแนวหน้าของโลก มีประสบการณ์มากกว่า 26 ปี โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า 120,000 ราย มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อส่งเสริมทักษะ เทคนิค และองค์ความรู้ด้านวิชาการ พัฒนางานวิจัย และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ปลูกผม เพื่อเป้าหมายการเป็น “ศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก” ภายในปี 2568

นอกจากนี้ บีอีคิว กรุ๊ป ยังมีเป้าหมายสำคัญที่ต้องการขยายธุรกิจของกลุ่มให้ครบวงจร ครอบคลุมทุกองค์รวมของการประกอบธุรกิจ เช่น สถาบันปลูกผม, สถาบันส่งเสริมการทำธุรกิจปลูกผม, ศูนย์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะแบบบูรณาการ, บริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ปลูกผม และเพิ่มความรวดเร็วเปรียบเสมือน Fast Track - Short Cut ทางลัดให้กับผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจการปลูกผมถาวร และแพทย์ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง สร้างโอกาสให้กลุ่มแพทย์ได้เพิ่มพูนทักษะเฉพาะทางด้านปลูกผม และเข้าถึงองค์ความรู้ เทคนิค ที่ทันสมัยผ่านความร่วมมือระดับประเทศนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น

อีกทั้งประกาศความเป็นผู้นำของ บีอีคิว กรุ๊ป ในอุตสาหกรรมด้านการปลูกผมในภูมิภาคเอเชียที่จะขยายสู่ระดับสากลได้ในระยะเวลาอันสั้นผ่านความร่วมมือครั้งนี้ โดยสามารถสร้างมูลค่าธุรกิจให้เติบโตได้ทั้งในและต่างประเทศ เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้เกิดความยั่งยืน และก้าวสู่ศูนย์กลางระดับโลกในอนาคตอันใกล้

นายพรศักดิ์กล่าวต่อว่า ปี 2566 นี้ภาพรวมบริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,400 ล้านบาท โต 20% โดยมาจากคลินิกปลูกผม 300 ล้านบาท คิดเป็น 25% ของรายได้รวม และที่เหลือมาจากสถาบันส่งเสริมธุรกิจการแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผม และเมดิคัลดิไวซ์ พวกเวชภัณฑ์และยา เป็นต้น

ปีนี้พร้อมใช้งบลงทุนกว่า 320 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 100 ล้านบาทในการทำ MOU กับทางโมเจลิม ซึ่งครอบคลุมไปใน 5 ปีจากนี้ และอีก 120 ล้านบาทจะใช้ในปีนี้สำหรับ MOU อีก 2 โปรเจกต์ กับทางยุโรปและอเมริกาด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงเครื่องมือทางการแพทย์เกี่ยวกับการปลูกผมโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าใน 3 ปี บีอีคิว กรุ๊ป จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดปลูกผมในไทยได้

“ปัจจุบันตลาดปลูกผมในประเทศไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในส่วนของ บีอีคิว กรุ๊ป และบริษัทในเครือ ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปี 2565 เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้ยังมีแผนสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น HAIR RESTORATION CENTER ที่ยั่งยืนแห่งใหม่ของโลก โดยโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ปี 2566-2568 ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของธุรกิจในกลุ่มบีอีคิว กรุ๊ป เพิ่มขึ้นตามไปด้วยโดยจะมีมูลค่ามากกว่า 1,400 ล้านบาท ในปี 2568 และภายใน 5 ปีตั้งเป้าจะเป็นที่ 1 ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และหนังศีรษะ แบบครบวงจรของเอเชีย” นายพรศักดิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น