GPSC แจงกำไรปี 2565 อยู่ที่ 891 ล้านบาท ลดลง 88% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,319 ล้านบาท เนื่องจากราคาถ่านหินและก๊าซฯ ปรับตัวสูงขึ้นทำให้มาร์จิ้นการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง และมีค่าตัดจำหน่ายจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิในปี 2565 สูงถึง 1,888 ล้านบาท
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เปิดเผยผลประกอบการปี 2565 ว่าบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 123,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,319 ล้านบาท หรือลดลง 88% มีสาเหตุหลักดังนี้ คือ กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ลดลง 8,770 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ margin จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง ในขณะที่ค่า Ft ยังไม่สามารถปรับตัวได้ทันราคาต้นทุนเชื้อเพลิง
ส่วนกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า IPP เพิ่มขึ้น 1,200 ล้านบาท สาเหตุหลักจากโรงไฟฟ้าศรีราชาและโกลว์ไอพีพีมีการผลิตโดยใช้เชื้อเพลิง น้ำมันดีเซลแทนก๊าซธรรมชาติ ทำให้มี margin จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับโรงไฟฟ้าศรีราชามีปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับแผนการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ. และมีส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเพิ่มขึ้น 330 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2564
นอกจากนี้ บริษัทฯ รับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษี 2,740 ล้านบาทในปี 2565 ซึ่งดำเนินการได้ดีกว่าแผนที่วางไว้ โดยกิจกรรมหลักมาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าและโครงข่าย ร่วมกับการบริหารส่วนการพาณิชย์ด้านต้นทุนการผลิตและการขยายฐานลูกค้า การบริหารจัดการต้นทุนการผลิต และการบริหารจัดการหุ้นกู้
ทั้งนี้ ค่าตัดจำหน่ายจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิในปี 2565 มีจำนวน 1,888 ล้านบาท ดังนั้นหากไม่รวมค่าตัดจำหน่ายดังกล่าว เพื่อให้ผลประกอบการของบริษัทฯ สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริง บริษัทมีกำไรสุทธิที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่าย (Adjusted Net Income) จำนวน 2,779 ล้านบาท
