ปตท.สผ.คาดไตรมาส1/66มีปริมาณขายปิโตรเลียมขยับขึ้นอยู่ที่ 4.72 แสนบาร์เรล/วัน หลังเร่งผลิตแหล่งเอราวัณ ส่งผลให้ทั้งปี 66มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 4.7 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ราคาก๊าซเฉลี่ยปี66 อยู่ที่ 6.1 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู พร้อมหาโอกาสปิดดีล M&A เพิ่มเติม
นายธนัตถ์ ธำรงศักดิ์สุวิทย์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(PTTEP)หรือปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในไตรมาส1/2566 จะอยู่ที่ 472,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน สูงกว่าเป้าหมายปริมาณการผลิตปิโตรเลียมเฉลี่ยทั้งปีที่ปตท.สผ.ตั้งไว้
โดยในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 470,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 468,130 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน มาจากการเร่งลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการจี 1/61(แหล่งเอราวัณ) ซึ่งในปี 2565 ปตท.สผ. ได้ติดตั้งแท่นหลุมผลิต (Wellhead platform) เสร็จสิ้นจำนวน 8 แท่น คาดว่าจะสามารถผลิตก๊าซฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงกลางปีนี้ และเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายปี 2566 และในเดือนเมษายน 2567 การผลิตก๊าซฯในโครงการจี1/61 จะขึ้นมาอยู่ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ได้ตามสัญญาPSC
ขณะที่ราคาก๊าซฯ เฉลี่ยทั้งปี2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 6.1 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู โดยในช่วงไตรมาส1ปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 6.7 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ส่วนต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) เฉลี่ยทั้งปี2566 จะลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 27-28 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และ EBITDA Margin คงเดิมที่ระดับ 70-75%
“ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวในปีนี้ ก็เป็นไปตามกลไกราคาในตลาดโลก ซึ่งบริษัทก็มีการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน เพื่อป้องกันกระแสเงิน โดยบริษัทยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดอยู่ที่ 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการที่จีน เปิดประเทศก็คาดว่าจะส่งผลดีต่ออุปสงค์น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น”
ส่วนแผนขยายการลงทุนในปี 2566 ที่บริษัทได้ตั้งงบประมาณการลงทุน 5,481 ล้านเหรียญสหรัฐ(เทียบเท่า 191,818 ล้านบาท)นั้น ในส่วนนี้ยังไม่รวมกับแผนควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ(M&A) โดยบริษัทยังมองหาโอกาสเข้าลงทุนในประเทศเป้าหมายหลัก ที่จะเป็นในลักษณะของโครงการที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นการลงทุน หรือท้ายการลงทุน เพื่อรับรู้รายได้ทันที
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ ปตท.สผ.ยังคงโฟกัสในประเทศที่มีฐานลงทุนอยู่เดิมทั้งในไทย มาเลเซีย เมียนมาและตะวันออกกลางโดยในไทย บริษัทมุ่งเพิ่มการผลิตโครงการ G1/61ให้ได้ตามแผน ส่วนโครงการ G2/61 (แหล่งบงกช) สามารถผลิตก๊าซฯได้ตามเงื่อนไขสัญญา PSC แล้ว
ขณะเดียวกัน ปตท.สผ. ยังรอลุ้นผลการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 24 บริเวณทะเลอ่าวไทย จำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย แปลง G1/65 G2/65 และ G3/65 ซึ่งเป็นแปลงที่มีศักยภาพและอยู่ใกล้กับแท่นผลิตของปตท.สผ. ในปัจจุบัน คาดว่า จะทราบผลการประมูลในเดือน ก.พ.นี้