“ส.อ.ท.” เผยจีนยกเลิกกักกันโควิดนักเดินทาง เริ่ม 8 ม.ค.นี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีหากเปิดเต็มรูปแบบจะยิ่งช่วยหนุนการค้าและท่องเที่ยวไทยให้กลับมาเติบโตสูงได้ท่ามกลาง ศก.คู่ค้าหลักถดถอย แต่ขณะเดียวกันต้องเตรียมรับมือราคาพลังงานที่จะขยับแรง
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่จีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการกักกันโรคโควิดนักเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 โดยขอแค่ผลตรวจโควิดด้วยวิธี PCR ออกมาเป็นลบ ภายใน 48 ชม.ก่อนเดินทางถึงจีน ว่า ถือเป็นข่าวดีต้อนรับปี 2566 สำหรับเศรษฐกิจโลกและไทยหลังจากที่จีนได้กำหนดนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) มาเกือบ 3 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออก และการท่องเที่ยวในภาพรวม และไทยจะได้รับอานิสงส์สูงเพราะนักท่องเที่ยวจีนที่ผ่านมาถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหลักที่เข้ามายังประเทศไทย
“คงต้องติดตามรายละเอียดว่าจะมีการเปิดให้คนจีนเดินทางอย่างเสรีด้วยหรือไม่เพราะจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างมาก ซึ่งคาดว่าหากเปิดได้การท่องเที่ยวจากต่างชาติที่ไทยประเมินในปี 2566 จะมีราว 21 ล้านคนก็น่าจะมีโอกาสมากกว่า 25-26 ล้านคน” นายเกรียงไกรกล่าว
นอกจากนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกถดถอย (Recession) จีนถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในภูมิภาคเอเชียที่ก่อนหน้านี้หยุดทำงานจะกลับมาเริ่มรีสตาร์ทอีกครั้ง การค้า การเดินทางจะเพิ่มขึ้น เมื่อเศรษฐกิจจีนเติบโตได้ดีก็ย่อมเป็นโอกาสต่อการส่งออกของไทยที่จะเป็นอีกตลาดหนึ่งที่สำคัญท่ามกลางตลาดคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ที่จะชะลอตามทิศทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจจีนเติบโตมากขึ้นก็มีปัจจัยที่อาจจะต้องระวังคือความต้องการใช้พลังงานโดยเฉพาะน้ำมันของจีนก็จะปรับตัวสูงขึ้นและจะกดดันให้ราคาพลังงานภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยล่าสุดเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ได้คาดการณ์ว่าหากจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งแตะระดับ 121 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปัจจุบันเฉลี่ยที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นเป็นสิ่งที่ไทยเองต้องเตรียมพร้อมรับมือเช่นกัน
