xs
xsm
sm
md
lg

“คีรี”นำทีม UTA ดูงานสนามบินฮ่องกง ศึกษาแผนเดินหน้าพัฒนา”อู่ตะเภา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คีรี’ เดินหน้าลุยพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก นำคณะ UTA และองค์กรชั้นนำ เยี่ยมชมการพัฒนาสนามบินฮ่องกงที่มีผู้โดยสารถึง 71.5 ล้านคน/ปี และชมระบบปฏิบัติการด้วยหุ่นยนต์ ขนตู้สินค้า ช่วยพนักงานทำงาน

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565, ฮ่องกง นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จํากัด (UTA) พาคณะผู้บริหารใหญ่จาก 4 องค์กร ได้แก่ UTA , บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด อาทิ นายกวิน กาญจนพาสน์, นายพอลล์ กาญจนพาสน์, นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร และนายชานนท์ โสภณพนิช พร้อมด้วย นายประภากร วทานยกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด เข้าเยี่ยมชม และฟังแผนการดำเนินงานการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง รวมถึงพื้นที่คลังสินค้า และพื้นที่ให้บริการสำคัญอื่น ๆ อาทิ Integrated Airport Centre (IAC) และ Sky Bridge โดยมี ผู้บริหารจากการท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง Mr. Jack So ประธานกรรมการ, Mr. Fred Lam ประธานเจ้าหน้าที่บริหารให้การต้อนรับ และพาเยี่ยมชมท่าอากาศยานฯ


ทั้งนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ถือเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการขนส่งระหว่างภูมิภาคที่สำคัญ รวมถึงยังเป็นศูนย์กลางการบิน เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศสำคัญอื่น ๆ และยังเป็นท่าอากาศยานฯ ที่มีระบบรักษาความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียบพร้อม โดยในปี 2562 ช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด – 19 มีผู้โดยสารใช้บริการถึง 71.5 ล้านคน มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศถึง 4.8 ล้านตัน และมีเที่ยวบินให้บริการในปี ดังกล่าวถึง 419,795 เที่ยวบิน นอกจากนี้ล่าสุดยังได้รับรางวัล Cargo Airport of the Year - Asia Pacific ในงาน 9th Payload Asia Awards และรางวัล Airport of the year ในงาน World Air Cargo Awards 2022


นอกจากนี้ในวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ทางผู้บริหารจากการท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ได้พาคณะเยี่ยมชมพื้นที่ Hong Kong Air Cargo Terminals Limited (Hactl) ที่ใช้ระบบปฏิบัติการด้วยหุ่นยนต์ ในการขนตู้สินค้า และสินค้าที่ไม่บรรจุตู้ขนาดใหญ่ ด้วยการเปิดใช้ระบบจัดเก็บชิ้นส่วนอัตโนมัติ Automated Parts Store (APS) โดยช่างเทคนิคเพียงสแกนรหัสชิ้นส่วน ระบุจำนวนที่ต้องการ และหุ่นยนต์จะใช้เส้นทางที่สั้นที่สุดในการนำชิ้นส่วนไปมอบให้แก่ช่างเทคนิค ลดระยะเวลาการทำงานได้กว่า 50 % และยังสามารถปฏิบัติการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยประหยัดชั่วโมงการทำงานของพนักงานได้ถึง 1,500 ชั่วโมงต่อปี อีกด้วย








กำลังโหลดความคิดเห็น