xs
xsm
sm
md
lg

SCC เทงบ 1 แสนล้านใน 5 ปี ลุย 6 ธุรกิจใหม่รับเทรนด์โลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SCC ตั้งงบแสนล้านบาทใน 5 ปีลุย 6 ธุรกิจใหม่ ทั้งพลังงานสะอาด สุขภาพและการแพทย์ ดิจิทัลโลจิสติกส์ นวัตกรรมกรีน สมาร์ทลีฟวิ่ง และหุ่นยนต์อัจฉริยะ เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ในอนาคตตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียนและโลก คาดจีนเตรียมเปิดประเทศ หนุนธุรกิจท่องเที่ยว ก่อสร้าง และปิโตรเคมีในไทยฟื้นตัวดีขึ้น

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยในงาน SCG : The Next Chapter ว่า บริษัทวางงบลงทุนช่วง 5 ปีข้างหน้า (2566-70) ประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนานวัตกรรมโซลูชันแห่งอนาคตให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการใช้ชีวิตแบบประหยัด ปลอดภัย สะดวก รักษ์โลก โดยจะเน้นใน 6 กลุ่มธุรกิจใหม่ คือ พลังงานสะอาดครบวงจร สุขภาพและการแพทย์ ดิจิทัลโลจิสติกส์ นวัตกรรมกรีน สมาร์ทลีฟวิ่ง และหุ่นยนต์อัจฉริยะ ตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียนและโลกในอนาคต ช่วยสร้างการเติบโตและแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัท

ธุรกิจพลังงานสะอาดครบวงจร (Energy Transition Solutions) บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการขยายกำลังการผลิตพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปีนี้ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตกว่า 195 เมกะวัตต์ เป็นการลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัย รวมทั้งโรงงาน และนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ ด้วยโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจรในรูปแบบ Smart Grid Smart Platform เครือข่ายอัจฉริยะจัดการซื้อ-ขายพลังงานสะอาด รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูง (Thermal Energy Storage) ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าที่ได้จาก solar เป็นพลังงานความร้อน กักเก็บความร้อนไว้ใช้เพื่อให้โรงงานมีพลังงานไว้ใช้ ป้องกันปัญหาพลังงานขาดแคลน และพัฒนาพลังงานชีวมวลคุณภาพสูง (Biomass และ Biocoal) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะ (Refused Derived Fuel : RDF) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในโรงงานซีเมนต์ โดยวางเป้าหมายที่จะลดการใช้ถ่านหินในกระบวนการผลิตซีเมนต์ลง 40-50% ภายใน 1-2 ปีนี้ และลดการใช้ถ่านหินลง 70% ในปี 2573 

ล่าสุดบริษัทในเครือฯ คือ เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ และบริษัทร่วมทุน ได้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT ปี 2565-73 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 จำนวน 8 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตหลายร้อยเมกะวัตต์ มีทั้งประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์บวกแบตเตอรี่

ด้านโซลูชันสุขภาพและการแพทย์ (Health and Medical Solutions) เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ดูแลสุขภาพ และสังคมผู้สูงอายุ ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 15,000 รายการ โดย SCGP เข้าถือหุ้น Deltalab ประเทศสเปน อาทิ Deltaswab ที่เก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจากร่างกาย และ Cryoinstant หลอดน้ำยาสำหรับเก็บรักษาตัวอย่างเชื้อด้วยความเย็น ขณะที่ SCGC มีการผลิตเม็ดพลาสติกเพื่อการแพทย์ เพื่อใช้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์และเภสัชกรรม เช่น กระบอกเข็มฉีดยา สายและถุงน้ำเกลือ ถุงเลือด ฯลฯ เป็นต้น


ดิจิทัลโลจิสติกส์ครบวงจร เพื่อให้บริการขนส่งและซัปพลายเชนครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดย SCGJWD ให้บริการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ขนส่งหลากหลายทั้งทางบก เรือ ราง อากาศ รองรับสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น วัคซีน ยา งานศิลปะมูลค่าสูง ฯลฯ ซึ่งบริษัทฯ พร้อมเครือข่ายครอบคลุมทั่วอาเซียนและจีน

นวัตกรรมกรีน เน้นลดใช้ทรัพยากร ส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice จำนวน 232 รายการ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายจาก 50% เป็น 67% ภายในปี 2573 รวมทั้งนำเทคโนโลยีก่อสร้างครบวงจรเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับวงการก่อสร้าง ลดวัสดุเหลือทิ้ง ประหยัดต้นทุนแรงงาน ตั้งเป้าเติบโต 30% ในปี 2566 และนวัตกรรมพลาสติกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (GREEN POLYMER) โดย SCGC ลงทุนใน KRAS Group ผู้นำด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้ครบวงจรจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล อีกทั้งลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ Braskem ผู้นำด้านพลาสติกชีวภาพระดับโลกจากประเทศบราซิล เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bio-PE) ในไทย

สมาร์ทลีฟวิ่ง โซลูชันเพื่อการใช้ชีวิตที่สะดวก สบาย สุขภาพดี ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่ออากาศสะอาดและประหยัดพลังงาน สำหรับกลุ่มอาคาร สถาบันการศึกษา กลุ่มที่อยู่อาศัย บ้าน/คอนโดฯ รวมทั้งมีระบบดูแลสุขภาพและความปลอดภัยด้วย DoCare เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อบ้านกับโรงพยาบาล และหุ่นยนต์อัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เวลา แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต


นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีหน้าความกังวลในการดำเนินธุรกิจคือ ราคาพลังงาน และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นปัญหาระยะยาว ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมาให้ความสำคัญด้านพลังงานหมุนเวียน แม้ว่าความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์สิ้นสุดแต่ก็มีเรื่องโลกร้อนเข้ามากดดันทำให้โลกต้องมุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาด

ส่วนกรณีที่จีนเริ่มผ่อนคลายและเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้สูงอายุในประเทศจีนนั้นจะทำให้จีนสามารถเปิดประเทศได้เร็วขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวของไทยกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ภาคการก่อสร้างและเศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมีกลับมาดีขึ้นถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น