xs
xsm
sm
md
lg

‘เนสท์เล่’ ปักหมุดสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อทุกคนและโลกใบนี้ยั่งยืนขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



        เดินหน้าขับเคลื่อนพันธกิจด้านความยั่งยืนอย่างไม่หยุดยั้ง ‘เนสท์เล่’ ผู้เพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คนด้วยพลังแห่งอาหาร พร้อมผสานแนวคิดและมาตรการด้านความยั่งยืนเข้าไปในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผู้คนและโลกใบนี้จะมีสุขภาพที่ดีขึ้น ทั้งในปัจจุบันและอนาคต


        ปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกยุคปัจจุบันให้ความสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่รายย่อยต่างก็ตื่นตัวในเรื่องนี้ โดยคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของโลกอย่าง “เนสท์เล่” (Nestlé) ที่มีเจตนารมณ์ชัดเจนในด้านการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคนด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด


        หนึ่งในความตั้งใจอันดีที่เห็นเป็นรูปธรรมแล้วสำหรับเนสท์เล่ประเทศไทย คือการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นชนิดที่ออกแบบเพื่อนำไปรีไซเคิลได้ ด้วยความตระหนักว่าบรรจุภัณฑ์ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการเกิดขยะพลาสติกให้ได้มากที่สุด

        เพราะขยะพลาสติกถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและก่อมลพิษต่อสิ่งมีชีวิตทั้งคนและสัตว์ เนสท์เล่ จึงได้วางแผนที่จะลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 ของปริมาณที่เคยใช้ ภายในปี พ.ศ. 2568 เช่นกัน ขณะที่ในปัจจุบันก็ได้ทำสำเร็จแล้วในหลายโปรดักต์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ไอศกรีมเนสท์เล่ในหลาย ๆ ตัวได้เปลี่ยนมาใช้ซองกระดาษ ทดแทนการใช้พลาสติก และผลิตภัณฑ์ยูเอชทีของบริษัททั้งหมดได้เปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม อย่าง เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ และน้ำแร่ธรรมชาติ มิเนเร่ ก็มีการใช้ขวด PET ใส (PET: Polyethylene Terephthalate) ที่สามารถรีไซเคิลหมดทุกส่วน

        และที่ว้าวสุด ๆ คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู และ ไมโล ได้มีการเปลี่ยนไปใช้ซองบรรจุรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Mono Structure เป็นนวัตกรรมซองจากพลาสติกชนิดเดียวกันที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งเนสท์เล่ถือเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่คิดค้นซองแบบนี้ขึ้นมา ขณะที่เนสกาแฟพร้อมดื่ม ก็เปลี่ยนไปใช้กระป๋องอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาที่รีไซเคิลได้ 100% ซึ่งเป็นการช่วยให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย


        นอกจากนี้ ในขณะที่ทั่วโลกกำลังวิตกกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกวัน ทางด้านเนสท์เล่ ก็พร้อมจะเป็นพลังในการลดคาร์บอนเพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศของโลกด้วยเช่นกัน โดยมุ่งหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ให้ได้ภายในปี พ.ศ.2593 โดยปัจจุบัน เนสท์เล่มีโครงการหลายอย่างที่จะนำพาบริษัทก้าวไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ทั้งการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในการขนส่งผลิตภัณฑ์คิทแคทแบบควบคุมอุณหภูมิ และใช้รถสามล้อไฟฟ้าขายไอศกรีมเนสท์เล่ ขณะที่รถยนต์ผู้บริหาร ก็เปลี่ยนไปใช้รถที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง อีกทั้งโรงงานของเนสท์เล่ 5 ใน 7 ก็ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อเริ่มเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแล้วในปี พ.ศ.2565 นี้ และมีแผนที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนแบบ 100% ภายในปี พ.ศ.2568


        อีกหนึ่งความมุ่งมั่นในฐานะที่เนสท์เล่มีแบรนด์เนสกาแฟซึ่งถือเป็นเจ้าตลาดของเมืองไทย คือการป้อนเมล็ดกาแฟที่ดีมีคุณภาพเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน โดยได้ผลิตกาแฟซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐานการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน 100% แล้ว เพราะเมล็ดกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้าที่เนสท์เล่ผลิตและจัดหามาจากท้องถิ่นได้ผ่านการรับรองว่าเป็น Sustainably Sourced 100% ตามหลักปฏิบัติในการทำสวนกาแฟตามมาตรฐานสากล 4C (Common Code for Coffee Community)


        หลายคนคงจะรู้ว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เนสท์เล่ได้จัดทำโครงการ เนสกาแฟ แพลน มอบต้นกล้ากาแฟกว่า 3.5 ล้านต้นให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟชาวไทย พร้อมจัดโครงการฝึกอบรมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟกว่า 2,000 คน และช่วยให้เกษตรกรกว่า 2,500 คนได้รับการรับรองมาตรฐานความยั่งยืน 4C ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่ดียิ่งขึ้น และสร้างเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชุมชนที่ดีขึ้นไปด้วยในขณะเดียวกัน

        ในกระบวนการผลิต เนสท์เล่ได้นำเอาทฤษฎีเกษตรฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture มาเป็นแนวทาง ทั้งการดูแลดินและความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ทำสวนกาแฟ และที่สำคัญคือการดูแลระบบนิเวศและเพิ่มหลากหลายทางชีวภาพ


        และสิ่งที่ต้องบอกว่า ดีต่อใจมาก ๆ ก็คือ กลุ่มธุรกิจน้ำดื่มของเนสท์เล่ ได้ให้คำมั่นสัญญา Water Positive Pledge ซึ่งหมายถึงการทดแทนน้ำกลับคืนสู่ธรรมชาติและชุมชนในปริมาณที่เท่ากับบริษัทใช้ในการดำเนินธุรกิจน้ำดื่ม เพื่อชุมชนรอบโรงงานในจังหวัดอยุธยาและสุราษฎร์ธานี นอกจากนั้น เนสท์เล่ได้ทำโครงการ “เยาวชนพิทักษ์สายน้ำ” ช่วยฟื้นฟูคุณภาพน้ำ เพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในคลองขนมจีน จ.พระนครศรีอยุธยา และอีกหลากหลายโครงการ ทำให้ปัจจุบันโรงงานน้ำดื่มใน จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับการรับรองมาตรฐานการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนระดับสากลจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) ตรงตามคำมั่นของเนสท์เล่


        อย่างไรก็ตาม นอกจากการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เนสท์เล่ ยังได้ถ่ายทอดและส่งต่อแนวคิดดี ๆ เกี่ยวกับความยั่งยืนไปสู่สังคม เช่น การจัดแคมเปญ “เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้” (Every Little Act Matters) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยปรับพฤติกรรม เริ่มจากทีละเล็กละน้อย ช่วยกันปกป้องโลกของเรา

        สุดท้ายแล้ว จะเห็นว่า “ความยั่งยืนในทุกมิติ” คือหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเนสท์เล่ เป็นเป้าหมายที่มีทั้งบรรลุแล้วและพยายามมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จดียิ่งขึ้นไป โดยที่ยังคงยึดเหนี่ยวอยู่กับปรัชญาขององค์กรที่ว่า “Good food, Good life อาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” ซึ่งเนสท์เล่ เชื่อว่า การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี จะช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นและมีความสุขมากขึ้น และเมื่อเราให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เราจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตในโลกที่น่าอยู่มากขึ้น เพื่อวันนี้และคนรุ่นต่อไปในอนาคต

(Advertorial)


กำลังโหลดความคิดเห็น