'เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป’ หรือ RHG เครือโรงแรมเก่าแก่อายุกว่า 75 ปี มีโรงแรมและรีสอร์ตในเครือที่เปิดให้บริการและอยู่ระหว่างดำเนินงานกว่า 1,700 แห่งใน 120 ประเทศทั่วโลก ติดอันดับ 1 ใน 3 เครือโรงแรมที่ใหญ่สุดของโลก นอกจากนี้ เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ยังได้รับรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นอันดับที่ 4 ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสันทนาการ (The 4th Best Employer in Travel & Leisure) ถึง 2 ปีซ้อน จากการจัดอันดับสุดยอดนายจ้างแห่งปีที่จัดโดยนิตยสารฟอร์บส (Forbes) และเป็นผู้นำรายแรก ๆ ที่ผลักดันการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ด้วยหลักการ Hotel Sustainability Basics
เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ตั้งเป้าโรงแรมในเครือจะต้องปล่อยคาร์บอนลดลง 30 % หรือราว 39,000 ตัน ภายในปี 2025 พร้อมเดินหน้าลดการปล่อยของเสียที่เป็นมลพิษต่ออากาศ ปัจจุบันการจัดงานประชุมของโรงแรมในเครือได้ปลอดคาร์บอน 100 % แล้ว ควบคู่ไปกับแผนกลยุทธ์ขยายการเติบโตที่จะขยายโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ทั่วโลก โดยยังคงยึดหลักนโยบายการบริหารด้านความยั่งยืนเพื่อพัฒนาด้านการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืนนี้ไปใช้กับโรงแรมในเครือทั่วโลก รวมถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและประเทศไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ระบาดเมื่อ 2 ปีก่อนมาจนถึงปัจจุบัน วิถีชีวิตของผู้คนได้มีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปจนเป็นเรื่องปกติ และคนส่วนใหญ่ทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงส่งผลให้ผู้คนเกิดการโหยหาการท่องเที่ยวแบบที่ต้องการพาตัวเองไปสัมผัสกับประสบการณ์จริง ในสถานที่จริง อีกทั้งแผนการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในปี 2023 มีการตั้งเป้าว่าจะฟื้นฟูและปรับรูปแบบการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยให้แข็งแรงและยั่งยืนมากขึ้น โดยยึดแผน Bio-Circular-Green (BCG) Economy Model ของรัฐบาลไทยที่ปรับให้เข้ากับแผน Sustainable Development Goals (SCGs) ที่จะทำให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นปลอดภัย ครอบคลุม และรับผิดชอบต่อโลกมากขึ้น
นายแรมซี เฟนิอาโนส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนา ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป กล่าวว่า เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป (RHG) เราเปิดดำเนินงานมานานกว่า 75 ปี และยังคงเป็นหนึ่งในเครือโรงแรมชั้นนำที่มีส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นผู้นำด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบใส่ใจสังคม เครือเรดิสันเป็นหนึ่งในเจ้าแรก ๆ ที่ผลักดันเรื่องการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอย่างจริงจัง จึงมีการกำหนดหนึ่งในวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นด้านปฏิบัติงานในโรงแรมที่สามารถเห็นภาพอย่างชัดเจนและทำได้จริง ที่ผ่านมาจึงทำให้โรงแรมในเครือ RHG ทั่วโลก ได้มีการแบ่งปันวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนร่วมกัน เพื่อออกแบบประสบการณ์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบต่อโลกมากขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และการดำเนินงานภายในโรงแรม นอกเหนือจากการมุ่งเน้นบริการที่มีคุณภาพเพื่อต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
“จากนโยบายของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับแผนการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในปี 2566 ที่ตั้งเป้าว่าจะฟื้นฟูและปรับรูปแบบการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยให้แข็งแรงและยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งสิ่งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ที่ให้ความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริหารธุรกิจโรงแรมเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก และการที่รัฐบาลไทยยกเลิกการกักตัวหรือต้องทำ RT-CPR ก่อนเข้าประเทศเช่นที่ผ่านมา อีกทั้งประเทศไทยมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะ ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารที่แสนอร่อยและวัฒนธรรมที่งดงาม จึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศไทยนั้นจะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักเดินทางทั่วโลกปรารถนาและยังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนด้วยเช่นกัน เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป จึงเล็งเห็นโอกาสและศักยภาพการเติบโตในการขยายตัวทางธุรกิจของแต่ละพื้นที่ จึงตั้งเป้าหมายว่าใน ปี 2023 จะเพิ่มโรงแรมและรีสอร์ตในพอร์ตให้ได้เป็นสองเท่าในประเทศไทย จากปัจจุบันนี้ที่มีโรงแรมอยู่ 6 แห่งในกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต” มร. เฟนิอาโนส กล่าวเสริม
เรียกได้ว่ากว่า 75 ปี ของเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป หลังจากเปิดดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการขยายธุรกิจโรงแรมในเครือไปแล้วกว่า 1,700 แห่งใน 120 ประเทศทั่วโลก ถือว่าเป็น 1 ใน 3 เครือโรงแรมที่ใหญ่สุดของโลก และกำลังเป็นที่จับตามองของนักธุรกิจและนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทย ภายใต้การสร้างแบรนด์ทั้ง 9 แบรนด์ในเครือ ที่แต่ละแบรนด์นั้นมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแขกผู้เข้าพัก เจ้าของโรงแรม และนักลงทุนได้อย่างหลากหลาย
ดังนั้น แนวทางบริหารหลักความยั่งยืนและเป้าหมายของเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตลาดประเทศไทย คือ การช่วยส่งเสริมและสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีอนาคตที่ยั่งยืน โดยทุก ๆ กิจกรรมและผลิตภัณฑ์ของโรงแรมจะต้องมีส่วนช่วยกำจัดคาร์บอนให้เป็นศูนย์ (Carbon Net Zero) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly) ภายในปี 2023 เพื่อลดการปล่อยของเสียที่เป็นมลพิษต่ออากาศ *ปัจจุบันการจัดงานประชุมของโรงแรมในเครือได้ปลอดคาร์บอน 100 % แล้ว
ทั้งนี้ เพื่อไปให้ถึงจุดหมายดังกล่าว เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป จึงจับมือกับ WTTTC (the World Travel & Tourism Council) หรือ สมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก นำหลัก Hotel Sustainability Basics ซึ่งเป็นแนวทางจัดการความยั่งยืนมาใช้ โดยจะร่วมมือกับโรงแรมชั้นนำในเครืออื่น ๆ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดูแลสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อจะเป็นตัวอย่างให้กับโรงแรมทั่วโลกได้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นที่พักประเภทไหน ทุกคนสามารถนำหลัก Hotel Sustainability Basics ไปใช้เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวให้มีความรับผิดชอบต่อโลกได้
เพราะความหมายของ Hotel Sustainability Basics คือ แนวทางการจัดการที่กำหนดตัวชี้วัดเรื่องความยั่งยืนระดับสากลให้กับโรงแรมต่าง ๆ โดยเชื่อว่าหากจะยกระดับอุตสาหกรรมจะต้องเริ่มพัฒนาจากบุคคลากรภายในอุตสาหกรรมก่อน ที่ผ่านมา เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป เป็นเครือโรงแรมกลุ่มแรก ๆ ที่ริเริ่มนำหลักการนี้มาใช้ โดยมีเป้าหมายระยะสั้นว่าจะสามารถนำหลักการดังกล่าวไปใช้กับทุก ๆ โรงแรมในเครือทั่วโลกภายในปลายปี 2023
สำหรับหลัก Hotel Sustainability Basics ของเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป แบ่งออกเป็น 3 ด้านหลักๆ ได้แก่
1. ด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) โรงแรมต้องมีวิธีการดำเนินงานที่สามารถวัดและลดการใช้น้ำ พลังงาน รวมถึงการปล่อยของเสียและคาร์บอนได้ โดยเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ได้นำมาปรับใช้ดังต่อไปนี้
• ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบพลังงานและควบคุมการใช้น้ำในอาคาร สำหรับหนึ่งในวิธีที่ทำ คือ ลดการซักผ้าเช็ดตัวให้กับลูกค้าที่อยู่ค้างคืนแค่คืนเดียว เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในโรงแรมเพื่อโรงแรมจะสามารถนำเงินส่วนนี้ไปบริจาคองค์กรการกุศลในการช่วยเหลือผู้คนกว่า 28,500 คน ให้มีน้ำสะอาดบริโภค
• โรงแรมตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ 30% หรือ 39,000 ตัน ภายในปี 2024
• จัดการขยะให้ดีขึ้นผ่านวิธีแยกขยะ ปฏิเสธ (Say No) พลาสติกที่ใช้ได้ครั้งเดียว ลดการทิ้งขยะอาหาร ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ Too Good To Go จนสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการทิ้งขยะอาหารได้ถึง 19,000 มื้อ
2. ด้านรักษ์โลก (Planet) มุ่งเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์สีเขียวในโรงแรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
• ยกเลิกการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นอันตรายต่อผืนดินและพนักงาน โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
• ทางโรงแรมเพิ่มตัวเลือกเมนูอาหารมังสวิรัติขึ้นมาให้กับลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลดคาร์บอนฟุตปรินท์ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของมื้อปกติ
• งดการใช้หลอดและช้อนคนกาแฟแบบพลาสติก เพื่อจะช่วยลดจำนวนการเดินทางของการทิ้งขยะพลาสติกได้มากกว่า 32 กิโลเมตร
• ใช้เครื่องจ่ายสบู่เหลวและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในทุกโรงแรมภายในปี 2024 ซึ่งจะช่วยลดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วจบได้ถึง 500 ตันต่อปี เท่ากับน้ำหนักของช้างอินเดีย 125 ตัว
3. ด้านบุคคลากร (People) จะมีการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับพื้นที่ชุมชน บริเวณรอบ ๆ ที่ตั้งของโรงแรม โดยวิธีการดำเนินงานมีดังต่อไปนี้
• ส่งเสริมให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาในชุมชนมากกว่า 26,500 ชั่วโมง
• สนับสนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์จากคู่ค้าที่เป็นคนในชุมชน ที่มีมากกว่า 65%
• บริจาคเงิน 510,000 ปอนด์ให้กับองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไร
• ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ให้มีผู้นำองค์กรกว่า 29% เป็นผู้หญิง
ขณะเดียวกัน เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ยังทุ่มเทกับการให้คำมั่นสัญญาต่อการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ล่าสุดในวันรถยนต์ไฟฟ้าโลก (World EV Day) ที่ผ่านมา ได้มีการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นภายในโรงแรม เรดิสัน บลู พลาซ่า ณ สนามบินเดลี ประเทศอินเดียเป็นครั้งแรก โดยเป็นความร่วมมือกับ SunFuel และ Siemens บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังของประเทศอินเดีย ซึ่งมีแผนที่จะขยายการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านี้ไปยังโรงแรมในเครือที่เปิดดำเนินการกว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศอินเดีย อีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเครือเรดิสันในการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนในอินเดีย โดยโรงแรมที่จะติดตั้งเครื่องชาร์จนี้จะอยู่ในทำเลที่เป็นจุดหมายปลายทางหลักซึ่งอยู่ไม่ไกล และใช้เวลาเดินทางเพียงสี่ชั่วโมง เพื่อมอบความสะดวกและความอุ่นใจสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าขณะเดินทางทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามกลุ่มโรงแรมเรดิสัน ได้ประกาศแผนขยายตัวธุรกิจ ในประเทศไทยไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยตั้งเป้าเปิดขยายการเติบโตทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิก และได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจประจำท้องถิ่นทั่วภูมิภาคเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอในเมืองหลวงที่สำคัญ ๆ และจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ อาทิ จาร์กาตา โฮจิมินห์ซิตี้ และกรุงเทพมหานคร ในการส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ที่คอยให้ความช่วยเหลือดูแลพื้นฐานของธุรกิจเพื่อคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของธุรกิจและพันธมิตร.