xs
xsm
sm
md
lg

“สตีเบล” ปรับเกมฝ่าโควิดโต 12% จ่อผุดฐานผลิตฮีตปั๊มในไทยส่งออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “สตีเบล เอลทรอน” ฝ่าโควิดปัจจัยลบ ดันยอดขายช่วง 10 เดือนแรกปีนี้โต 12% จ่อผุดฐานผลิตฮีตปั๊มในไทยเพื่อส่งออก ล่าสุดเปิดบริษัทลูกในเวียดนาม ปีหน้าดันเป้าโตอีก 15% พร้อมสินค้าใหม่ เผยตลาด C โตดี

มร.โรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด กล่าวว่า สตีเบลมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตฮีตปั๊มในไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียด ทั้งในแง่กำลังการผลิต การหาทำเลที่เหมาะสม รูปแบบการลงทุนซึ่งถ้าเป็นรูปแบบเป็นการซื้อที่ดินคาดว่าต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ส่วนถ้าเป็นการเช่าที่ดินคาดว่าลงทุนน้อยกว่า โดยตั้งเป้าหมายว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตฮีตปั๊มได้ภายใน 2-3 ปีนับจากนี้

ทั้งนี้ ฐานผลิตดังกล่าวจะป้อนตลาดในไทยด้วย แต่ส่วนสำคัญจะใช้เป็นฐานในการผลิตเพื่อป้อนตลาดต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะในออสเตรเลียและในยุโรป ซึ่งขณะนี้ตลาดมีความต้องการฮีตปั๊มอย่างมาก ซึ่งแต่เดิมบริษัทมีฐานผลิตฮีตปั๊มอยู่ที่เยอรมนีเป็นหลักและสวีเดนบางส่วน ซึ่งหากจะส่งจากเยอรมนีไปออสเตรเลียจะมีต้นทุนที่สูงมาก ซึ่งไทยจะมีความเหมาะสมกว่า และอีกอย่างไทยก็เป็นฐานผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของสตีเบล เอลทรอนทั่วโลกอยู่แล้วด้วย


ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดบริษัทลูกที่เวียดนามเป็นตลาดล่าสุดเมื่อปีนี้เองในช่วงที่โควิดยังระบาดอยู่ โดยเวียดนามเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจอย่างมากโดยเฉพาะความต้องการของตลาดเครื่องทำน้ำร้อนน้ำอุ่น ซึ่งเราวางแผนมา 2-3 ปีแล้ว โดยจะส่งสินค้าออกจากไทย เพียงแต่ว่าอาจจะต้องมีการปรับระบบการผลิตเล็กน้อย เนื่องจากเวียดนามมีข้อจำกัดที่แตกต่างจากไทยหลายประการทางด้านกฎเกณฑ์

นายโรลันด์กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานของสตีเบลในไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 นี้มีการเติบโต 12% จากการปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามกระแสโลกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งโควิดด้วย เราก้าวข้ามอุปสรรคมากมายในช่วงสิบเดือนที่ผ่านมาโดยอาศัยการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ การกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรของเราตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการชูด้านเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานวิศวกรรมอันล้ำสมัยจากเยอรมนี ปัจจัยเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จของสตีเบล เอลทรอนในปี 2565

โดยเฉพาะปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตช่วง 2 ปีมานี้มีผลกระทบต่อตลาดรวมมาจากหลายปัจจัยลบ เช่น จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น การล็อกดาวน์หลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตวัตถุดิบต่างๆ ไม่วาจะเป็น ค่าขนส่งน้ำมันที่แพงขึ้น วัตถุดิบบางอย่างที่ขาดแคลน บางอย่างราคาขยับสูงมากถึง 10 เท่าก็มี แต่โดยเฉลี่ยแล้วต้นทุนผลิตขึ้นประมาณ 20%


ปีนี้คาดว่ายอดขายรวมในไทยมีประมาณ 710 ล้านบาท แต่หากรวมยอดขายทั้งในไทยและยอดขายส่งออกด้วยจะมีรวมเป็น 1,400 ล้านบาท โต 11% และเป็นจำนวน 420,000 ยูนิต แบ่งสัดส่วนในไทย 72% และส่งออก 28% ขณะที่ตลาดรวมเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนในไทยมีประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ตกลงเล็กน้อย จากจำนวนรวม 850,000 ยูนิต

โดยยอดขายของสตีเบลมาจากเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนเป็นหลักสัดส่วนมากกว่า 70% ในแง่ยูนิต และ 76% ในแง่รายได้, รองลงมาคือ เครื่องกรองน้ำ สัดส่วน 5% ในแง่ยูนิต และสัดส่วน 11% ในแง่ยอดขาย และกลุ่มอื่นๆ รวมกัน สัดส่วน 29% ซึ่งปีนี้กลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนเติบโต 20% ส่งผลให้มีส่วนแบ่งทางการตลาด 25% จากตลาดรวม 3,000 ล้านบาท

ช่องทางการจำหน่ายของสตีเบล เอลทรอน มาจาก โมเดิร์นเทรด สัดส่วน 62%, จากเทรดิชันนัลเทรด 18%, จากอีคอมเมิร์ซของบริษัท 10% และจากบีทูบีหรือโครงการ 10% ซึ่งสินค้าใหม่ๆ ที่ออกสู่ตลาดปีนี้มีหลากหลาย เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น DE BLACK มาพร้อมกับชุดอุปกรณ์สีดำ, STIEBEL FACE เครื่องกรองน้ำสำหรับอ่างล้างหน้าที่ช่วยดูแลผิวพรรณด้วยระบบกรองน้ำคุณภาพสูงถึง 4 ขั้นตอน, เครื่องกรองน้ำ STIEBEL SNOW ระบบ RO ด้วยระบบการกรอง 5 ขั้นตอนและมาตรฐานวิศวกรรมสูงสุดจากเยอรมนี เหมาะสำหรับห้องครัวทุกขนาดและสไตล์ นอกจากนี้ สามารถเปลี่ยนไส้กรองได้ง่ายๆ เพียงแค่ “หมุน” โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ


ส่วนปี 2566 ในปีหน้าบริษัทวางแผนที่คงความเป็นผู้นำตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ การขยายไลน์สินค้าให้เป็นวอเตอร์โซลูชันแบบครบวงจรมากขึ้น ตั้งเป้าหมายปีหน้าเติบโต 15% มีการออกสินค้าใหม่ 6 รายการในเบื้องต้นนี้ และการทำตลาดแบบครบวงจร

ส่วนตลาดกลุ่มระดับ C ที่ราคาต่ำลงมา เรียกว่า Safe Save Series 2 สตีเบลเริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดีมาก เป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ด้วยระดับราคาเฉลี่ยที่ 2,590-3,500 บาท ขณะนี้มีสัดส่วนรายได้ 60% แล้ว และมีการเติบโต 40%




กำลังโหลดความคิดเห็น